ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
คุณอีฟจบคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมีความสนใจในเรื่องเครื่องสำอางและการแต่งหน้าเป็นพิเศษตั้งแต่สมัยเรียน จึงเข้าคอร์สอบรม Beauty Makeup จากสถาบัน International Makeup Center (IMC) จนได้รับรางวัล The Best Makeup Artist of the Class จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นในสายงานนี้ นอกเหนือจากการแต่งหน้าแล้ว คุณอีฟยังสนใจด้านการทำเล็บและขนตา จึงสมัครเข้ารับการอบรบ Nail Care & Art Gel Training Program ของสถาบัน Nail It! Tokyo Academy Education และ YUMI Lashes Training Course จาก YUMI LASHES เพิ่มเติม ปัจจุบันคุณอีฟทำงานเป็น Freelance Makeup and Hair Artist, Lashes Technician, Nail Artist พร้อมทั้งศึกษาต่ออยู่ที่ประเทศเยอรมนี โดยยังคอยติดตามเทรนด์การแต่งหน้า รวมถึงเครื่องสำอางใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะส่วนตัวแล้วคุณอีฟมองว่าก่อนการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ความงาม ผู้ใช้งานควรทำการศึกษาข้อมูลทั้งจากเว็บไซด์หลักของแบรนด์ เว็บไซด์แนะนำ รีวิวผลิตภัณฑ์ หรือรีวิวจากผู้ใช้อื่น ๆ เพื่อช่วยให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับตัวเอง สามารถเนรมิตแต่งหน้าให้ออกมาได้อย่างสวยงามและคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปมากที่สุด
คุณอีฟเรียนจบคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่น มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แต่งงานและย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2017 ปัจุบันทำงานเป็นพนักงานฝ่ายประสานงานให้กับคนญี่ปุ่นและชาวต่างชาติในจังหวัดคานะกะวะ รวมทั้งยังเป็นล่ามฟรีแลนซ์และทำงานอาสาสมัครหลายอย่าง คุณอีฟมีงานอดิเรกที่ชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจก็คือ การทำอาหาร โดยจะชอบคิดสูตรทำอาหารใหม่ ๆ เองและยังสอนทำอาหารไทยให้กับคนญี่ปุ่นเป็นครั้งคราวอีกด้วย นอกเหนือจากการทำอาหารแล้วยังมีความสนใจในด้านการแต่งหน้าเป็นพิเศษ โดยมักจะชอบอ่านรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์ ด้วยใจรักในด้านนี้คุณอีฟจึงเคยรับแต่งหน้ามาแล้วหลายเคส ทั้งแต่งหน้าไปงาน รับปริญญาและแต่งหน้าเจ้าสาวทั้งที่ไทยและญี่ปุ่น
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
ในหัวข้อนี้มาทำความรู้จักกับอายแชโดว์แบบครีมกันอีกสักนิดผ่านวิธีการเลือก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้คุณอย่างเต็มอิ่มตรงนี้แล้วค่ะ
ตามที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นว่าฟินิชลุคของเนื้ออายแชโดว์แบบนี้จะทำให้เปลือกตาแวววาวและขับให้ดวงตาดูโดดเด่นน่าค้นหามากขึ้น แต่ความแวววาวของอายแชโดว์ชนิดนี้ไม่ได้มาเป็นแพทเทิร์นเดียวกันเสมอไป บางตัวก็แวววาวเล็กน้อยเพื่อเน้นความเป็นธรรมชาติ บางตัวก็แวววาวมากเพื่อเพิ่มเมคอัพลุคให้ดูหรูหรา แล้วเราควรเลือกอย่างไรให้ตรงกับลุคที่ต้องการ ไปอ่านต่อกันเลยค่ะ
อายแชโดว์เนื้อครีมส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมให้ลุคผิวมีความเปล่งประกายเป็นส่วนประกอบอยู่ ซึ่งจะมีอยู่ 2 แบบคือ แบบผสมชิมเมอร์หรือประกายมุกที่เนื้อผลิตภัณฑ์จะละเอียดหน่อย เมื่อทาลงบนเปลือกตาแล้วจะล่อแสงตกกระทบได้ดี ทำให้ดวงตาดูเปล่งประกาย น่าค้นหามากกว่าเดิม
กับอีกแบบคือ แบบผสมกลิตเตอร์ที่จะให้เกิดประกายวิบวับมากขึ้น เนื้อผลิตภัณฑ์จะมองเห็นเป็นเกล็ดระยิบระยับชัดเจน มีความละเอียดน้อยกว่าแบบชิมเมอร์ เหมาะกับการแต่งหน้าในโอกาสที่ต้องการสร้างความโดดเด่นให้กับดวงตา อย่างเช่นตอนไปออกงานกลางคืน เป็นต้น
อายแชโดว์แบบครีมที่เนื้อมีประกาย จะมีทั้งแบบเนื้อชิมเมอร์และแบบเนื้อกลิตเตอร์ค่ะ เนื้อชิมเมอร์ก็จะให้ฟินิชเงาวิ้ง เวลาเหลือบสะท้อนกับแสงไฟก็จะดูฉ่ำ ๆ คล้ายสีประกายจากเปลือกหอย มีเนื้อลื่น เกลี่ยง่าย และเบลนด์ให้เข้ากับผิวได้ง่ายมากกว่าเนื้อฟินิชอื่น ในส่วนของเนื้อกลิตเตอร์จะมีกากเพชรที่ใหญ่และชัดเจนกว่า เล่นกับแสงไฟกลางคืนได้เด่นกว่า จึงเหมาะที่จะใช้กับงานกลางคืนเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับเมคอัพของคุณค่ะ
อายแชโดว์เนื้อครีมแบบแมตต์หรือเนื้อธรรมดาจะเหมาะสำหรับลุคธรรมชาติ เหมาะกับสาว ๆ ที่ใช้แต่งหน้าในวันปกติ เช่น แต่งหน้าไปทำงานหรือแต่งหน้าไปเรียน มีเนื้อที่ติดทนนาน หลุดยาก ช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาเติมหน้าระหว่างวันบ่อย พร้อมได้ลุคที่มีมิติอีกด้วย นอกจากนี้เนื้อแบบไม่มีประกายนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อใช้เป็นเฉดดิ้ง แต่งหน้าให้คมเหมือนลูกครึ่งก็ยังได้
สำหรับอายแชโดว์แบบครีมเนื้อแมตต์ คุณสามารถใช้เดี่ยว ๆ สีเดียว และเบลนด์ให้เข้ากับเปลือกตาก่อนจะลงอายเมคอัพอื่น ๆ เช่น อายไลเนอร์หรือมาสคาร่าเพื่อคอมพลีทอายเมคอัพลุคนั้น หรือคุณจะประยุกต์อายแชโดว์เนื้อครีมแบบแมตต์มาใช้เป็นอายไพรเมอร์ก็ได้ค่ะ การใช้อายแชโดว์แบบครีมก่อนลงอายแชโดว์แบบฝุ่นจะเพิ่มประสิทธิภาพให้สีอายแชโดว์แบบฝุ่นชัดเจนยิ่งขึ้น แถมยังช่วยให้เมคอัพบนเปลือกตาติดทนนานมากยิ่งขึ้นด้วย
มองเผิน ๆ อายแชโดว์เนื้อครีมอาจดูคล้ายกันไปซะหมด แต่ความจริงแล้ว ไอเทมนี้เค้าก็มีเนื้อสัมผัสหลายประเภทอยู่เหมือนกันค่ะ ซึ่งแต่ละประเภทนั้นยังมีคุณสมบัติที่ต่างกันออกไปด้วย เราจึงควรศึกษาเอาไว้เพื่อจะได้เลือกให้เหมาะกับตัวเองค่ะ
เนื้อครีมเป็นชนิดที่มีส่วนผสมเป็นน้ำมันอยู่มาก ช่วยปกป้องดวงตาจากความแห้งกร้านเหมาะกับสาวผิวแห้งเป็นที่สุด และถือเป็นเนื้อที่ให้ฟินิชลุคฉ่ำวาวที่สุดในบรรดาเนื้อสัมผัสทั้งหมด ทำให้ดวงตาของสาว ๆ ดูสุขภาพดี น่ามอง น่าค้นหา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่เปลือกตามีความมันอยู่แล้ว การใช้อายแชโดว์แบบเนื้อครีมมีโอกาสจะทำให้อายแชโดว์เปื้อนหรือตกร่องได้ง่าย กรณีนี้ก่อนใช้จึงขอแนะนำให้สาว ๆ ทาอายแชโดว์เบสหรือลงแป้งที่เปลือกตาก่อนลงครีมอายแชโดว์ก็จะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้ค่ะ
การใช้อายแชโดว์เนื้อครีมที่ให้ฟินิชลุคฉ่ำวาวอาจจะไม่เหมาะกับคนผิวมันค่ะ เพราะเมื่อน้ำมันขับออกจากผิวระหว่างวันจะทำให้เนื้ออายแชโดว์หลุดและไปกองที่รอยพับเปลือกตาได้ การใช้อายแชโดว์ชนิดนี้ หลังทาลงบนเปลือกตาควรรอให้เช็ตตัวเล็กน้อย จากนั้นแนะนำให้คุณใช้แปรงทาตาเล็ก ๆ แตะแป้งฝุ่นโปร่งแสงและกดทับบนเปลือกตาเบา ๆ เพื่อเซ็ตให้อายแชโดว์เนื้อครีมอยู่กับที่ หรือจะใช้อายแชโดว์เนื้อฝุ่นสีใกล้เคียงกันก็ได้ ก็จะยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะและติดทนนานตลอดวันค่ะ
ถือเป็นการผสานข้อดีของเนื้อสัมผัสทั้ง 2 แบบเข้าไว้ด้วยกัน โดยเนื้อลักษณะนี้เมื่อทาตอนแรกจะชุ่มชื้นเหมือนแบบครีมแต่เมื่อแห้งแล้วจะกลายเป็นเนื้อฝุ่นทำให้ได้ฟินิชลุคกึ่งแมตต์ เหมาะกับคนที่มีผิวมันเพราะจะช่วยไม่ให้อายแชโดว์เปื้อนเยิ้มหรือตกร่อง แม้ว่าจะให้ความฉ่ำวาวของผิวไม่เท่าแบบครีมแต่ถ้าเลือกชนิดที่มีประกายมุกผสมอยู่ก็จะเพิ่มความเปล่งประกายให้ดวงตาได้มากขึ้นค่ะ
อายแชโดว์เนื้อครีมที่เปลี่ยนฟินิชเป็นฝุ่นทีหลัง มีข้อดีตรงที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าคุณจะมีผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสมก็สามารถใช้ได้ นอกจากนี้ การที่อายแชโดว์เนื้อครีมเปลี่ยนเป็นเนื้อฝุ่นหลังการทา คุณก็ไม่จำเป็นต้องเซ็ตอายแชโดว์อีกรอบด้วยเแป้งฝุ่นค่ะ ทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการแต่งหน้าไปได้อีกหนึ่งขั้น แต่ข้อควรระวังในการใช้อายแชโดว์ที่เปลี่ยนเท็กเจอร์ได้แบบนี้ คือ ถ้าคุณไม่เกลี่ยให้ดีจะเป็นคราบได้ง่ายค่ะ
แบบแท่งเป็นชนิดที่เรียกว่าทาได้ง่าย ใช้ได้ตรงจุดที่ต้องการมากที่สุด แค่ทาตรง ๆ ลงบนเปลือกตาเลยแล้วใช้นิ้วเกลี่ยตามก็จบ หากเป็นตัวที่สีเข้มหน่อยจะนำมาใช้เป็นอายไลเนอร์ก็ได้ หากเลือกสีที่อ่อน ๆ หน่อยก็นำมาใช้ทาใต้ตาเพื่อสร้างมิติเหมือนมีถุงน้ำตา ก็จะได้ลุคที่อ่อนเยาว์แบบง่าย ๆ เช่นกัน บรรจุภัณฑ์ก็มีจำหน่ายกันทั้งในรูปแบบดินสอที่ต้องเหลาและแบบมีไส้หมุนได้เหมือนลิปสติก มีความนุ่มของเนื้อหลายระดับให้เลือก อีกทั้งยังพกพาไปไหนมาไหนได้ง่ายด้วยค่ะ
อายแชโดว์เนื้อครีมแบบแท่งมีประโยชน์มากมายหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งใช้งานง่าย พกพาไปไหนมาไหนสะดวก นำมาประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะใช้แทนอายไลเนอร์หรือจะเป็นไฮไลต์ก็ยังได้ แต่การใช้อายแชโดว์เนื้อครีมแบบแท่งที่มีหัวคล้ายดินสอนั้น ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังนะคะ ควรเบามือมาก ๆ เวลาเขียนลงบนเปลือกตา เพราะผิวที่เปลือกตาเป็นส่วนที่บอบบางมาก การทาอายแชโดว์เนื้อครีมที่เป็นแท่งแบบนี้ หากไม่เบามือจะทำให้เกิดการระคายเคือง และมีส่วนทำให้เกิดริ้วรอยบนเปลือกตาหรือรอบดวงตาได้ค่ะ
เริ่มมีให้เห็นในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ กับอายแชโดว์แบบน้ำที่มีเสน่ห์ไม่แพ้แบบอื่น ๆ โดยเนื้อชนิดนี้เป็นเนื้อเหลวที่สุดในบรรดาทั้งหมด ทำให้กะปริมาณในการทาได้ง่ายและแค่ปริมาณนิดเดียวก็เกลี่ยได้ทั่วเปลือกตา ให้ฟินิชลุคดูฉ่ำน้ำแลดูเป็นธรรมชาติไม่หนักตา ถ้าอยากได้ลุคที่โดดเด่นขึ้นมาอีกหน่อยก็สามารถทาเป็นเลเยอร์ทับลงไปได้ ผลิตภัณฑ์มักมาในรูปแบบหลอดหรือขวดแบบมีก้านทาที่ใช้ง่ายพกสะดวกเช่นกันค่ะ
อายแชโดว์เนื้อครีมแบบลิควิดจะให้ความเบาสบายเปลือกตามากกว่าแบบอื่นเพราะมีเนื้อบางเบากว่าค่ะ เวลาใช้อายแชโดว์ชนิดนี้ คุณควรกะปริมาณให้พอดี เทคนิคที่อยากแนะนำคือ แทนที่จะป้ายเนื้อลิควิดลงบนเปลือกตาโดยตรง ให้ป้ายที่หลังมือของคุณก่อน จากนั้นค่อยใช้นิ้วหรือแปรงป้ายจากหลังมือแล้วทาลงบนเปลือกตา เพราะถ้าคุณลงปริมาณเนื้ออายแชโดว์ลิควิดเยอะเกินไปจะทำให้เลอะเทอะและเบลนด์สีให้เนียนได้ยากค่ะ
การเลือกซื้ออายแชโดว์แบบครีมนั้น คุณควรคำนึงถึงการแต่งหน้าของตัวเองก่อนค่ะ ว่าโดยปกติแล้วคุณชอบแต่งหน้าลุคหรือโทนไหนเป็นพิเศษ เราไม่จำเป็นต้องมีอายแชโดว์เนื้อครีมทุกสี ให้เลือกซื้อสีที่คุณคิดว่าจะได้ใช้บ่อย เพราะอายแชโดว์เนื้อครีมมักจะมาเป็นหนึ่งสีหนึ่งกระปุกหรือหนึ่งแท่ง การซื้อให้ครบทุกสีจะเป็นการเปลืองเงินโดยใช่เหตุค่ะ เพราะสุดท้ายแล้วเรามักจะไม่ได้ใช้ครบทุกสี และอายแชโดว์เนื้อครีมจะมีอายุการใช้งานสั้นกว่าแบบฝุ่น ฉะนั้นใช้เลือกซื้อแต่สีที่คุณคิดว่าได้ใช้แน่นอนก่อนหมดอายุก็พอแล้วค่ะ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | ราคา | คะแนน | |
---|---|---|---|---|---|
1 | BOBBI BROWN Long-Wear Cream Shadow Stick Multi-Chrome | 1,350 บาท ราคาค่อนข้างสูง | เนื้อสัมผัสนุ่ม ละมุน เกลี่ยได้ง่าย มีทั้งโทนแมตต์และชิมเมอร์ | ||
2 | TOM FORD BEAUTY Cream And Powder Eye Color | 2,500 บาท ราคาสูง | เพิ่มลุคยั่วยวนด้วยกลิตเตอร์บนเปลือกตา มีทั้งเนื้อฝุ่นและครีม | ||
3 | RMS Beauty Eye Polish | 1,400 บาท ราคาค่อนข้างสูง | เนื้อสีเนียน ชิมเมอร์ละเอียด สามารถใช้เป็นเบสอายแชโดว์ได้ | ||
4 | CATRICE Metal Sensation Ultra Creamy Eyeshadow | 295 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | ให้ฟินิชลุคแบบเมทัลลิก สีสวยโดดเด่นไม่เหมือนใคร ราคาน่ารัก | ||
5 | 3CE Eye Switch | 650 บาท ราคาปานกลาง | เพิ่มความกลมโตให้กับดวงตามากขึ้น มีส่วนผสมบำรุงผิวรอบดวงตา | ||
6 | NEE CARA Monster Liquid Eyeshadow | 145 บาท ราคาต่ำ | ช่วยเพิ่มลูกเล่นและความวิ้งวาวให้กับดวงตา กลิตเตอร์ชัดเจน | ||
7 | So Glam Gleaming Eye Glitter Eye Shadow | 259 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | มีเม็ดสีที่เข้มข้น เนื้ออายแชโดว์ไม่เป็นผงหลุดร่วงระหว่างวัน | ||
8 | ONE/SIZE BEAUTY Visionary Eye Popper Liquid Eyeshadow | 850 บาท ราคาปานกลาง | ติดทนนนานเป็นพิเศษ ไม่ทำให้เป็นคราบบนรอยพับเปลือกตา | ||
9 | RARE BEAUTY Stay Vulnerable Liquid Eyeshadow | 800 บาท ราคาปานกลาง | เนื้อสัมผัสเปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งทันที มาพร้อมกับโทนสีสันสดใส | ||
10 | MAKE UP FOR EVER Aqua Resist Smoky Shadow | 700 บาท ราคาปานกลาง | จะใช้เดี่ยว ๆ หรือจับคู่ก็สวย เนื้อประกายชิมเมอร์เบา ๆ ธรรมชาติ |
อายแชโดว์เนื้อครีมที่มาในรูปแบบแท่งออโต้จาก BOBBI BRWON รุ่นนี้เป็นอายแชโดว์เนื้อครีมที่มีความนุ่มละมุนเป็นพิเศษ ทำให้สามารถเกลี่ยเบลนด์สีได้ง่าย สำหรับโทนสีของอายแชโดว์รุ่นนี้ยังมีให้เลือกทั้งโทนแมตต์และแบบประกายชิมเมอร์ สามารถแต่งหน้าได้หลายลุค และที่สำคัญยังมีคุณสมบัติความติดทนนานถึง 12 ชั่มโมง เหมาะกับคนที่มีเปลือกตามันมาก ๆ ค่ะ
สาว ๆ คนไหนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือกำลังมองหาผลิตภัณฑ์แบบออร์แกนิก ขอแนะนำอายแชโดว์รุ่นนี้จาก RMS Beauty ที่มีส่วนประกอบเป็นออร์แกนิก ทำให้ไม่เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวบอบบาง มีคุณสมบัติเป็นอายแชโดว์ที่กันน้ำได้ ติดทนนาน และยังมีโทนสีเป็นธรรมชาติ เหมาะกับ Everyday Look สามารถใช้เดี่ยว ๆ หรือจะใช้จับคู่กับอายแชโดว์สีอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญยังมีหลายโทนสีให้เลือกได้เหมาะกับทุกสีผิว
สำหรับแบรนด์ดรักสโตร์ราคาน่ารักจาก CATRICE ก็มีอายแชโดว์เนื้อครีมที่มาในราคาประหยัด อีกทั้งยังเป็นอายแชโดว์ที่มีประกายชิมเมอร์ พร้อมให้ลุคแบบเมทัลลิค เหมาะสำหรับการแต่งหน้าที่ต้องการความโดดเด่นเป็นพิเศษ หรือลุคแบบคมเข้มสโมกกี้อาย สามารถใช้ทาทับกับอายแชโดว์เนื้อฝุ่นหรือจะใช้เดี่ยวในการครีเอทลุคก็ได้เช่นกันค่ะ นอกจากนี้ยังมี 4 สีให้เลือก ได้แก่ สีชมพู,เทา, ทาอมเขียว และสีน้ำตาลออกอมชมพูม่วง
ใครที่ชอบแต่งหน้าแบบ Dolly Eyes ที่ช่วยเพิ่มความกลมโตให้กับดวงตาของคุณ ขอแนะนำอายแชโดว์เนื้อครีมรุ่นนี้จาก 3CE เลยค่ะ เพราะเป็นอายแชโดว์แบบประกายกลิตเตอร์ที่สามารถเพิ่มความโดดเด่นให้แก่ดวงตาได้มากกว่าแบบชิมเมอร์ทั่วไป อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสแบบลิควิคที่ทำให้ติดทนนาน ไม่หลุดระหว่างวัน และที่สำคัญอายแชโดว์รุ่นนี้ยังมีส่วนผสมของวิตามินอี และเชียร์บัตเตอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นรอบดวงตาอีกด้วย
ใครที่ชอบความวิ้งวาวบนเปลือกตา การเลือกใช้อายแชโดว์ครีมแบบกลิตเตอร์นั้นจะทำให้แต่งหน้าได้สนุกมากขึ้นค่ะ ซึ่งอายแชโดว์แบบกลิตเตอร์ส่วนใหญ่จะเน้นสีสันที่สดใส เหมาะกับการแต่งหน้าในลุคสบาย ๆ หรือการแต่งหน้าที่ต้องการลุคหวาน ๆ สำหรับอายแชโดว์รุ่นนี้จาก NEE CARA ก็เป็นอายแชโดว์แบบกลิตเตอร์ที่ให้สีสันชัดเจน โดยมีให้เลือกทั้งเนื้อกลิตเตอร์แบบเล็ก ๆ และกลิตเตอร์เม็ดใหญ่
ใครที่กำลังมองอายแชโดว์เนื้อครีมที่มีสีและประกายกลิตเตอร์แบบชัดเจนโดยไม่ต้องทาซ้ำหลาย ๆ รอบ อายแชโดว์จาก So Glam รุ่นนี้ไม่ทำให้คุณผิวหวังอย่างแน่นอนค่ะ ด้วยคุณสมบัติของพิกเมนต์ที่มีความเข้มข้นสูง พร้อมให้ฟินิชลุคด้วยประกายแมทัลลิคผสมกลิตเตอร์ ทำให้เปลือกตามีความโดดเด่น ที่สำคัญเมื่อทาแล้วยังแห้งเร็ว มีเนื้อสัมผัสที่เบาสบาย ไม่หนักตา อีกทั้งยังไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและพาราเบนด้วย
สำหรับการแต่งหน้าลุคกลางคืนที่ต้องการความเด่นชัดและการติดทนนาน อายแชโดว์เนื้อครีมรุ่นนี้จาก ONE/SIZE BEAUTY ก็เป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะกับสาว ๆ ที่ต้องการอายแชโดว์ที่ติดทนนานเป็นพิเศษ ซึ่งอายแชโดว์รุ่นนี้จะเน้นโทนสีที่เหมาะกับการแต่งหน้าลุคที่ต้องออกงานตอนกลางคืน เพราะมีเนื้อที่มีความแวววาวสูง เมื่อทาลงบนเปลือกตาแล้ว ยังไม่ทำให้เกิดคราบรอยพับระหว่างเปลือกตาด้วย
ความพิเศษของอายแชโดว์รุ่นนี้คือ เมื่อทาลงบนเปลือกตาแล้วเนื้อสัมผัสของอายแชโดว์จะเปลี่ยนเป็นแป้งทันที ทำให้ได้ลุคเหมือนใช้อายแชโดว์แบบฝุ่นแต่มีความติดทนนานแบบเนื้อครีม เหมาะกับสาว ๆ ที่มีผิวบริเวณเปลือกตาที่มีความมันเป็นพิเศษ และยังทำให้อายแชโดว์ไม่เลือนระหว่าง สามารถการเบลนด์สีได้ง่าย เกลี่ยได้ละมุน ที่สำคัญยังมีโทนสีอายแชโดว์ที่ไม่เหมือนใครด้วย
อายแชโดว์เนื้อครีมจากแบรนด์ยอดฮิตอย่าง MAKE UP FOR EVER รุ่นนี้มาในรูปแบบของแท่งหมุน ทำให้เหมาะแก่การพกพา ใช้งานได้สะดวกทุกที่ทุกเวลา โทนสีของอายแชโดว์รุ่นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นโทนสีกลาง ๆ ที่สามารถแต่งหน้าได้ง่าย จะใช้เป็นสีเดี่ยว ๆ หรือจับคู่กับสีอื่น ๆ ก็สวย รุ่นนี้ยังมีทั้งเนื้อแแมตต์และประกายชิมเมอร์แบบเบา ๆ ที่คงความเป็นประกายแบบธรรมชาติ ไม่หวือหวา
สำหรับอายแชโดว์เนื้อครีมนั้น อาจจะเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่สำหรับมือใหม่บางคนก็อาจะเกิดข้อสงสัยต่าง ๆ อยู่บ้าง ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ
อายแชโดว์เนื้อครีมมีจุดเด่นที่ต่างจากอายแชโดว์เนื้อฝุ่นปกติ คือมีความติดทนมากกว่ามาก ด้วยความที่เป็นเนื้อครีม เมื่อทาลงบนผิวและแห้งแล้วก็จะยึดเกาะผิวได้ดี นอกจากนี้ ยังให้สีที่ชัดเจน สามารถ Build Up ได้ แถมยังสามารถประยุกต์ใช้ครีมอายแชโดว์เป็นอายไพรเมอร์ได้อีกด้วยค่ะ โดยปกติแล้ว อายแชโดว์เนื้อครีมจะมีเนื้อลื่น ครีมมี่ ทาลงบนผิวได้ง่าย แต่การใช้อายแชโดว์เนื้อครีมจะยากกว่าการใช้อายแชโดว์เนื้อฝุ่นเล็กน้อยและต้องอาศัยความชำนาญมากกว่า เนื่องจากคุณต้องแข่งกับเวลาเพราะอายแชโดว์เนื้อครีมเมื่อแห้งแล้วจะติดไปกับผิว ทำให้เบลนด์ดูเป็นธรรมชาติได้ยากค่ะ
อายแชโดว์เนื้อครีมสามารถใช้ได้กับการแต่งหน้าได้เกือบทุกลุคเลยค่ะ เพราะแม้จะเป็นเนื้อครีมแต่ก็มีให้เลือกหลากหลายฟินิช ทั้งแบบแมตต์ แบบชิมเมอร์ และแบบกลิตเตอร์ ไม่ต่างอะไรจากอายแชโดว์เนื้อฝุ่น แต่มีข้อได้เปรียบกว่าตรงที่ติดทนนานกว่า ให้สีที่ชัดเจนมากกว่า และยังเหมาะกับเวลาที่คุณต้องการแต่งตาแบบกลิตเตอร์แน่น ๆ เพราะอายแชโดว์เนื้อฝุ่นที่เป็นกลิตเตอร์จะมีข้อเสียตรงที่กลิตเตอร์จะติดไม่ค่อยทน และมักจะร่วงลงบนส่วนต่าง ๆ ของใบหน้า ในขณะที่อายแชโดว์แบบครีมเนื้อกลิตเตอร์จะติดทนและไม่มีการหลุดร่วงให้กวนใจค่ะ
เทคนิคการล้างเครื่องสำอางบนเปลือกตาที่ทำร้ายผิวรอบดวงตาน้อยที่สุดที่อยากแนะนำคือ ให้นำสำลีชุบเมคอัพรีมูฟเวอร์ (ยิ่งเป็นสูตรสำหรับล้างเมคอัพรอบดวงตาและปากยิ่งดีค่ะ) ให้ชุ่มพอประมาณ จากนั้นหลับตาแล้วนำสำลีมาแปะไว้บนดวงตาโดยที่ยังไม่ต้องถูหรือเช็ด แปะทิ้งไว้ประมาณหนึ่งถึงสองนาทีเพื่อให้สำลีดูดซับเมคอัพ จากนั้นค่อย ๆ ลูบสำลีที่แปะอยู่ลงไปในทิศทางของขนตาเบา ๆ คุณก็จะเห็นว่าเมคอัพบนเปลือกตาไม่ว่าจะเป็นอายแชโดว์ อายไลเนอร์ หรือมาสคาร่านั้นหายไปอย่างง่ายดายเลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมซื้อ “อายเมคอัพรีมูฟเวอร์” มาใช้ทำความสะอาดนะคะ เพราะเนื้อครีมนี้ติดทนนานมากกว่าแบบฝุ่น ใช้แค่รีมูฟเวอร์ทั่วไปอาจไม่เพียงพอ โดยเวลาใช้ให้ค่อย ๆ เช็ดออกอย่างเบามือและเช็กให้แน่ใจทุกครั้งว่าสะอาดหมดจด เพราะถ้าเหลือคราบตกค้างแล้วล่ะก็อาจทำให้เกิดสิวอุดตันตามมาได้เลยนะคะ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นแล้วจะยุ่งยากยิ่งกว่าเก่า เพราะเปลือกตาเป็นผิวบอบบาง จะบีบหรือแต้มยาทีก็ต้องระวังมากเลยค่ะ
อันดับที่ 1: BOBBI BROWN|Long-Wear Cream Shadow Stick Multi-Chrome
อันดับที่ 2: TOM FORD BEAUTY|Cream And Powder Eye Color
อันดับที่ 3: RMS Beauty|Eye Polish
อันดับที่ 4: CATRICE|Metal Sensation Ultra Creamy Eyeshadow
อันดับที่ 5: 3CE|Eye Switch
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ