10 อันดับ ไม้เทนนิส ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 รวมแบรนด์ Babolat, FBT, Wilson

หลังจากได้ทำความรู้จักกับ 10 อันดับ ไม้เทนนิส ยอดนิยมในปัจจุบันกันไปแล้ว เรามาดูหลักวิธีการเลือกที่สำคัญกันก่อนดีกว่า อย่าลืมว่า ทุกอย่างมีส่วนกำหนดความสามารถในการควบคุมและเสริมกำลังในการตีเทนนิส ฉะนั้น เราจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัยให้ครบถ้วนที่สุดค่ะ

เพื่อจะเลือกไม้เทนนิสให้เหมาะสมกับตัวเอง เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า ขนาดหน้าไม้เทนนิสแต่ละขนาดนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไร และเหมาะกับผู้เล่นในระดับไหนบ้าง

สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มหัดเล่น รวมถึงผู้เล่นที่มีกำลังในการตีน้อย เราขอแนะนำให้ใช้ไม้เทนนิสขนาด 105 ตารางนิ้วขึ้นไป หรือที่เรียกว่าไม้ Oversized ซึ่งเป็นไม้ที่มีขนาดใหญ่ หน้าไม้กว้างมาก ช่วยให้มือใหม่วอลเลย์ง่าย ลดโอกาสตีไม่โดนลูกหรือตีชนขอบพื้นที่ส่วน Sweet Spot (ส่วนของหน้าไม้ที่เมื่อบอลมากระทบเอ็น แล้วสามารถสร้างแรงสะท้อนกลับได้มากที่สุดและสร้างแรงสั่นสะเทือนน้อยที่สุด) โดยเป็นไม้ที่มีความกว้างเหมาะสมในการใช้ฝึกตีมากที่สุด แถมสปินได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคอะไรมากมาย ทำให้ผู้เล่นมือใหม่ตีได้อย่างมั่นใจที่สุดค่ะ

มาต่อกันที่ Midplus หรือไม้เทนนิสที่มีขนาดหน้ากว้างไม่เกิน 105 ตารางนิ้ว เหมาะสำหรับผู้เล่นในระดับกลาง - ระดับสูง เพราะสวิงง่าย ควบคุมการตีได้ดี ด้วยหน้าไม้ที่เล็กลงจึงเสริมความมั่นคงในการตีได้มากขึ้น ถือว่าเป็นไม้ที่ผู้เล่นส่วนใหญ่เลือกใช้ แม้มือใหม่ก็ใช้ได้

แต่หากคุณเป็นผู้เล่นระดับสูงที่เน้นการควบคุมหน้าไม้มากกว่าความแรง ยังมีไม้อีกขนาดหนึ่งที่เรียกว่า Mid-Sized ซึ่งขนาดหน้าไม้จะเล็กไม่เกิน 95 ตารางนิ้ว ช่วยลดการต้านลม สวิงได้ง่าย การแอ่นของเอ็นก็น้อยจึงให้ความมั่นคงในการตีสูง ช่วยให้ควบคุมการตีได้ดีที่สุดค่ะ

นอกจากขนาดและน้ำหนักของไม้เทนนิสแล้ว ความกว้างของขอบไม้ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการควบคุมทิศทางของลูกเช่นกัน ซึ่งขอบไม้แต่ละขนาดนั้นจะเหมาะกับคุณอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

ไม้ขอบกลางหรือว่าไม้ที่มีความหนาขอบประมาณ 22 - 25 มม. ถือว่าเป็นขนาดมาตรฐาน แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าไม้ขอบกลางเหมาะกับคุณหรือไหม ให้คุณทดลองตีลูกด้วยแรงปกติแล้วลูกไปตกอยู่ที่ช่วงเลยกลางคอร์ทของฝ่ายตรงข้ามไปหน่อย ก็ถือว่าความกว้างของไม้ระดับนี้เหมาะกับคุณ และต้องไม่ลืมที่จะลองกะจากแรงในการตีของตัวเองด้วยเช่น ถ้าหากรู้สึกว่าตีแล้วบอลยังพุ่งไกลเกินไปอยู่ ก็ให้เลือกไม้น้ำหนักเบากว่านี้ หรือถ้าตีแล้วลูกไม่ค่อยไป ก็ควรเลือกไม้ที่หนักกว่านี้

ในส่วนของไม้เทนนิสขอบหนาคือไม้เทนนิสที่มีความกว้างประมาณ 26 - 30 มม. ตัวขอบไม้จะค่อนข้างแข็งกว่าสองแบบแรก จึงให้แรงสะท้อนที่ดีเหมาะกับการเล่นที่ต้องการ Power หรือต้องการพลังในการตีสูง และการใช้ไม้แบบขอบหนานี้จะช่วยให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากความแรงของลูกจากฝ่ายตรงข้ามในการตีกลับได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นไม้ที่เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีแรง เช่น เด็ก ผู้หญิง หรือผู้สูงวัยเป็นที่สุดเลยค่ะ

รูปแบบการร้อยเส้นเอ็น (String Pattern) ของไม้เทนนิสนั้นมีผลต่อระดับการเล่นด้วยนะคะ โดยทั่วไปแล้ว ไม้เทนนิสจะมีโครงสร้างให้ร้อยเอ็นที่ความถี่ แนวตั้ง 16 เส้น × แนวนอน 19 เส้น หากร้อยในระยะห่างกว่านี้จะหมายถึงว่า เป็นไม้ที่เหมาะสำหรับคนหัดเล่น และยิ่งห่างเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ใส่สปินได้ง่ายขึ้นแม้สวิงช้า ๆ แต่ถ้าหากเลือกไม้เทนนิสที่ร้อยเอ็นถี่กว่านี้ ก็จะช่วยไม้เทนนิสนั้นควบคุมลูกได้ดียิ่งขึ้น เหมาะกับผู้เล่นระดับสูงมากกว่ามือสมัครเล่นค่ะ

ด้ามจับ (Grip) ที่จับถนัดมือ สวิงง่าย เป็นอีกจุดสำคัญในการเลือกซื้อไม้เทนนิสเลยก็ว่าได้ โดยทั่วไปแล้วขนาดด้ามจับจะมีตัวเลขที่ระบุขนาดที่เรียกกันว่า G1 - G4 โดย G1 - G2 จะเป็นด้ามจับที่มีขนาดเล็ก ทำให้เราขยับมือได้ง่าย ช่วยเสริมทักษะการตีลูกหยอด เหมาะสำหรับผู้หญิง ส่วน G3 - G4 จะเป็นด้านจับที่ขนาดใหญ่กว่า เหมาะสำหรับผู้ชาย 

อย่างไรก็ตาม บางร้านอาจจะระบุขนาดแบบอเมริกัน โดยจะมีตั้งแต่ 4 นิ้ว ถึง 4 3/4 นิ้ว ซึ่งมาจากการวัดระยะจากปลายนิ้วนางถึงเนินฝ่ามือ สามารถลองกะขนาดเอาจากที่เราแนะนำไปในตอนต้นแล้วลองจับไม้จริงดู หากคุณกำไม้แล้ว นิ้วนางอยู่ห่างจากฝ่ามือตรงนิ้วโป้งประมาณ 8 มม. ก็ถือได้ว่าด้ามนั้นค่อนข้างพอดีกับฝ่ามือคุณ แต่ถ้าหากไม่มั่นใจกลัวว่าไม้จะเล็กไป สามารถซื้อ Grip Tape มาพันไม้เพื่อปรับขนาดก็ได้เช่นกันค่ะ

ความรู้สึกในการตีจะต่างกันไปขึ้นอยู่กับจุดศูนย์กลางของไม้เทนนิส เรียกง่าย ๆ ว่าบาลานซ์ของไม้ จุดบาลานซ์ของไม้จะอยู่ตรงกลางหรือที่เรียกว่า Even Balance ซึ่งเป็นไม้ที่เหมาะสำหรับทุกคน รวมไปถึงผู้ที่เริ่มหัดเล่นด้วย 

นอกจากนี้ ไม้เทนนิสที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่หัวไม้เรียกว่า ไม้หัวหนัก (Head-Heavy) ถือว่าเป็นไม้ Power แม้ตีไม่โดน Sweet Spot แต่ก็สวิงได้อย่างมีพลัง มีข้อด้อยคือจะใช้วอลเลย์ในแบบความเร็วที่ต้องการไม่ค่อยได้ ส่วนไม้ที่บาลานซ์หนักไปทางฝั่ง Grip จะเรียกว่าไม้หัวเบา (Head-Light) ถือเป็นไม้ที่ให้ Power น้อยแต่สามารถควบคุมได้ดี สวิงได้เร็วค่ะ

ความยืดหยุ่นหรือความแข็งของตัวไม้ (Stiffness) ก็เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตัวที่จะกำหนดลักษณะตรงนี้ก็คือ วัสดุที่นำมาทำไม้นั่นเอง ไม้เทนนิสที่ผลิตจากอะลูมิเนียมนั้นจะมีความทนทานสูง ราคาไม่แพง เหมาะเอาไว้ซื้อเป็นไม้ตีเล่น ส่วนไม้คาร์บอนจะมีความแข็งแรงมากกว่า เหมาะกับการเริ่มเล่นเทนนิสในสนาม 

นอกจากนี้ ไม้เทนนิสที่ผลิตจากกราไฟต์ก็เป็นอีกวัสดุหนึ่งที่นิยมใช้อย่างมากในปัจจุบันเช่นกัน ด้วยคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทาน และมีความยืดหยุ่น กักเก็บแรงได้ดี ทำให้กราไฟต์เหมาะกับการใช้เป็นไม้เทนนิสสำหรับแข่งขัน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการเล่นเทนนิสอย่างจริงจัง ดังนั้น ก่อนการซื้อจึงต้องพิจารณาวัสดุให้ตรงกับการใช้งานของตัวเองด้วยนะคะ

• Babolat - ไม้เทนนิส Babolat รุ่น Pure Aero Rafa 2020
• Wilson - ไม้เทนนิส Wilson รุ่น Triad XP 3
• YONEX - ไม้เทนนิส YONEX รุ่น VCore Pro 97 Tennis Racket G2
• Babolat -  ไม้เทนนิส Babolat รุ่น Pure Drive Team 2021
• Wilson - ไม้เทนนิส Wilson รุ่น Burn 100 ULS V4
  

ตรวจสอบไม้เทนนิสเพิ่มเติมได้จากตารางเปรียบเทียบข้อมูลด้านล่าง

เราจะพาไปดู 10 อันดับ ไม้เทนนิส ขายดี ที่ผู้เล่นเทนนิสแต่ละระดับเลือกใช้งานกันก่อน ซึ่งมีทั้งไม้เทนนิสสำหรับมือใหม่ไปจนถึงผู้เล่นระดับกลาง - สูง ถ้าพร้อมแล้ว เรามาหาไม้เทนนิสที่เหมาะกับตัวเองดูกันได้ดีกว่าค่ะ

เห็นอุปกรณ์ช่างน่าซื้อขนาดนี้ ยิ่งเมื่อทราบวิธีการเลือกด้วยแล้ว น่าจะมีใครสนใจมาลองเล่นเทนนิสกันบ้างแล้วใช่ไหมคะ ถ้ายังรู้สึกเขินและไม่กล้าไปตีที่คอร์ต ก็ลองศึกษาฟอร์มการตีของนักกีฬาจากการแข่งขันแล้วซื้อไม้เทนนิสมาฝึกตีลูกเข้ากับกำแพง (Knock Board) ที่บ้านเลียนแบบไปก่อนก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนะคะ เพราะการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญ ควรเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรงของตัวคุณเองค่ะ