ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
ซึ่งยี่ห้อน้ำมันทาผิวนั้นก็มีตั้งแต่สินค้า OTOP ที่หาซื้อได้ตามร้านค้า, ร้านขายยา, เซเว่นและห้างสรรพสินค้าทั่วไป ไปจนถึงแบรนด์เวชสำอางชื่อดังอย่าง Neutrogena, Bio-Oil, Palmer's, Trilogy และแบรนด์ไฮเอนด์ เช่น L'Occitane, Clarins, PANPURI ฯลฯ โดยวันนี้เราจะมาทำความรู้จักและไขข้อสงสัยว่า ทำไมเราถึงต้องใช้น้ำมันทาผิว แล้วต้องทาหรือใช้ตอนไหน ความแตกต่างระหว่างน้ำมันทาผิวตัวกับผิวหน้าคืออะไร พร้อมวิธีการเลือกน้ำมันทาผิวพร้อมคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังให้เหมาะกับสภาพผิวของคุณ และรีวิว 10 อันดับ น้ำมันทาผิว ที่เราคัดสรรมาอย่างดีแล้วว่า ช่วยให้ผิวสวย เนียนนุ่มน่าสัมผัสค่ะ
คุณพีชจบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัยโดยตรง ปริญญาโทและปริญญาเอกด้านตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งยังมีวุฒิบัตรเวชศาสตร์ด้านชะลอวัย American Board of Antiaging (A4M) ซึ่งนอกเหนือจากคุณวุฒิต่าง ๆ แล้ว ส่วนตัวคุณพีชยังชื่นชอบการดูแลตัวเองในด้านสุขภาพผิวและเส้นผมเป็นพิเศษ จึงชอบที่จะศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งยี่ห้อต่าง ๆ และเวชสำอาง รวมทั้งมีความสนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการทำเลเซอร์ สกินแคร์ หรือกลุ่มสกินบูสเตอร์ที่จะช่วยดูแลและฟื้นฟูผิวให้มีสุขภาพดีมากขึ้น ปัจจุบันคุณพีชทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน โดยใช้วิชาชีพในการตรวจรักษาโรคผิวหนังทั่วไป คอยให้คำปรึกษาด้านผิวพรรณและการออกแบบรูปหน้าให้กับทั้งชาวไทยและต่างชาติ อีกทั้งยังให้ความรู้และความเข้าใจแก่บุคคลทั่วไปเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายและการดูแลผิว โดยคุณพีชมองว่าผิวของคนเราจะมาพร้อมกับปัญหาเฉพาะแต่ละบุคคล ดังนั้นการเลือกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จึงควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจใช้งานเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมและปลอดภัยกับตนเองมากที่สุด
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ทำไมเราต้องใช้น้ำมันทาผิว ในเมื่อเรามีโลชั่นและครีมที่เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้นกับผิวอยู่แล้ว แต่ทราบหรือไม่คะว่า โลชั่นหรือครีมนั้นมีส่วนผสมของน้ำเป็นหลักซึ่งจะเข้าช่วยบำรุงผิวและสามารถระเหยจากผิวได้ง่าย ในขณะที่น้ำมันทาผิวนั้นเป็นน้ำมันสกัดเข้มข้นล้วน มีจุดเด่นในการกักเก็บน้ำและคงสภาพเซลล์ผิวได้เป็นอย่างดี รักษาให้ผิวชุ่มชื้นและเต่งตึงได้ยาวนานกว่า ด้วยเหตุนี้เราจึงควรใช้น้ำมันทาผิวนั่นเองค่ะ
ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทาน้ำมันนั้น หากเป็นผิวกายควรทาหลังจากอาบน้ำเสร็จทันที โดยอาจเช็ดตัวให้แห้งพอหมาดเล็กน้อย หรือใช้นวดก่อนนอนเพื่อการบำรุงที่ล้ำลึก ส่วนน้ำมันสำหรับผิวหน้าควรทาหลังจากลงครีมหรือโลชั่นเพื่อเป็นการรักษาคุณค่าสารบำรุงในครีมหรือสกินแคร์อื่น ๆ ที่เราลงไปก่อนหน้านี้ค่ะ
โดยธรรมชาติแล้ว ผิวของคนเราจะมีไขมันแทรกอยู่ระหว่างและด้านบนเซลล์ผิว โดยไขมันนี้มีหน้าที่สำคัญ คือ ทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรง, กันไม่ให้น้ำระเหยออกจากเซลล์ผิว, ป้องกันไม่ให้แบคทีเรีย สารเคมี หรือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ เข้ามาทำอันตรายกับผิวได้
แต่เมื่อเรามีอายุมากขึ้น ปริมาณไขมันที่เคลือบเซลล์ผิวเหล่านี้จะมีปริมาณน้อยลง การใช้น้ำมันทาผิวจึงเป็นการทำหน้าที่ทดแทนไขมันตามธรรมชาติที่หายไป น้ำมันทาผิวแต่ละชนิดอาจมีคุณสมบัติอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น ลดการอักเสบ เพิ่มความชุ่มชื้น และฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น
ความจริงแล้วน้ำมันทาตัวและน้ำมันทาหน้าไม่ค่อยมีความแตกต่างมากนักในด้านคุณประโยชน์ เพราะให้ความชุ่มชื้นและช่วยกักเก็บน้ำในผิวได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ในเรื่องของส่วนผสมนั้นอาจแตกต่างกันที่ระดับความเข้มข้นและส่วนประกอบ โดยน้ำมันทาตัวบางยี่ห้ออาจใช้ Mineral Oil ผสมกับออยล์สกัดเข้มข้นจากธรรมชาติเพื่อให้มีราคาที่จับต้องได้และเพิ่มคุณค่าสารบำรุงให้กับผิว ในขณะที่น้ำมันทาหน้ามักเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติเพื่อการบำรุงที่เข้มข้นและล้ำลึก นอกจากนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่แตกต่างกัน คือ ปริมาณ น้ำมันทาตัวมักมีปริมาณหรือขนาดของแพ็กเกจจิ้งที่ใหญ่กว่าเพื่อให้สามารถบำรุงได้ทั่วเรือนร่างนั่นเองค่ะ
น้ำมันทาตัวและน้ำมันทาหน้าถูกผลิตขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน คือ ช่วยกักเก็บน้ำในเซลล์ผิว แต่ผิวหน้าเป็นบริเวณที่ผลิตน้ำมันมากกว่าผิวกาย ดังนั้น เราควรเลือกน้ำมันทาผิวหน้าที่ไม่กระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน มีเนื้อบางเบา และสามารถควบคุมความมันได้ ส่วนน้ำมันทาตัวมีส่วนช่วยในการเพิ่มปริมาณไขมันบนผิวด้วย จึงมีปริมาณของไขมันที่สูงกว่า
นอกจากนี้ ขั้นตอนการสกัดน้ำมันทาผิวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราควรพิจารณา โดยน้ำมันทาผิวที่เราเลือกไม่ควรมีสารเคมีเพิ่มเติมมากจนเกินไป เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันทาหน้าค่ะ
วิธีการเลือกน้ำมันทาผิวคล้ายกับการเลือกครีมหรือโลชั่น คือ ต้องดูสภาพผิวหรือปัญหาผิวที่เรามี ส่วนผสมและกลิ่น หากต้องการเพิ่มความผ่อนคลายจากการนวดหรือทาน้ำมัน
สภาพผิวหรือปัญหาผิวที่เรามักพบได้บ่อยสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ผิวแห้ง ผิวมันหรือเป็นสิวง่าย และผิวแตกลายบนผิวกายค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าหรือผิวกาย หากมีสภาพผิวหรือปัญหาผิวที่แห้งตึง มีรอยแตกหรือขุยสีขาวจนรู้สึกได้ว่าผิวขาดน้ำ นอกเหนือไปจากการบำรุงผิวให้มีความชุ่มชื้นด้วยครีมหรือโลชั่นแล้ว การทาหรือนวดน้ำมันก็ถือเป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยบำรุงผิวและฟื้นบำรุงโครงสร้างชั้นผิวได้เป็นอย่างดี สำหรับผู้ที่มีผิวแห้งควรเลือกน้ำมันทาผิวที่มีส่วนผสมของ Mineral Oil เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น หรือน้ำมันทาผิวที่มีส่วนผสมของวิตามิน E อย่างน้ำมันมะกอก น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว ฯลฯ หรืออาจเป็นน้ำมันสกัดเข้มข้นจากพืชพรรณธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้นค่ะ
ผู้ที่มีผิวแห้ง ไม่ว่าจะแห้งจากเป็นอายุที่เพิ่มขึ้น หรือโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง จะพบว่าปริมาณไขมันชนิดต่าง ๆ ที่อยู่บนและระหว่างเซลล์ผิวลดลง ดังนั้น ผู้ที่มีผิวแห้งจึงควรเลือกน้ำมันทาผิวที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โจโจบา ออยล์ (Jojoba Oil), น้ำมันดอกทานตะวัน (Sunflower Oil), น้ำมันมะกอก (Olive Oil), น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) เพราะน้ำมันธรรมชาติเหล่้านี้จะช่วยลดปริมาณการสูญเสียน้ำจากเซลล์ผิวหนัง และเพิ่มปริมาณไขมันบนเซลล์ผิวได้อย่างมีนัยสำคัญค่ะ
ผู้ที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่ายมักเข้าใจผิดว่า ไม่ควรทาน้ำมันเพิ่มเติม เพราะอาจทำให้มีน้ำมันบนใบหน้ามากขึ้น แต่จริง ๆ แล้ว สาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความมันหรือสิวอาจเกิดจากการที่ผิวขาดความชุ่มชื้นหรือมีน้ำไม่เพียงพอ จนทำให้ผิวหนังขับน้ำมันออกมาในปริมาณมากเพื่อชดเชยน้ำเหล่านั้น ส่งผลให้เป็นผิวมันหรือเป็นสิวได้ง่ายนั่นเอง
ดังนั้น เราควรเติมน้ำมันทาผิวเพื่อให้ความชุ่มชื้น โดยอาจเน้นน้ำมันสกัดจากธรรมชาติเพื่อให้บำรุงผิวไปด้วยในตัวและอาจเลือกน้ำมันที่มีเนื้อบางเบาอย่างน้ำมันมะพร้าวเพื่อให้รู้สึกสบายผิว ไม่เหนอะหนะ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีปัญหาผิวลักษณะนี้ควรหลีกเลี่ยงอาร์แกน ออยล์ (Argan Oil) เพราะสาร Oleic Acid ในอาร์แกน ออยล์ อาจกระตุ้นให้เกิดน้ำมันในผิวและสิวมากขึ้นได้ค่ะ
สำหรับผู้ที่เป็นสิวง่ายหรือมีผิวมัน เริ่มแรกให้สังเกตก่อนว่า สาเหตุของผิวมันเกิดจากความไม่สมดุลของความชุ่มชื้นหรือไม่ เช่น หลังล้างหน้าเสร็จแล้วหน้าแห้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผิวมีความมันเพิ่มมากขึ้น หากเป็นเช่นนี้แล้วแสดงว่า ผิวของเราอาจมีการขาดน้ำ ทำให้ร่างกายต้องสร้างไขมันเพิ่มขึ้นเพื่อเก็บกักน้ำไว้ให้ผิว เราจึงควรเลือกน้ำมันทาผิวที่เน้นเก็บกักน้ำแต่ไม่เพิ่มความมันบนผิว เช่น โจโจบา ออยล์ (Jojoba Oil), อาร์แกน ออยล์ (Argan Oil) โดยน้ำมันเหล่านี้จะช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวของเราได้ค่ะ
ปัญหาของผิวกายโดยส่วนใหญ่ที่เรามักพบเห็นได้บ่อย คือ รอยแตกลาย รอยแผลเป็น ซึ่งน้ำมันบำรุงผิวก็ถือเป็นสกินแคร์ประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปได้ เพราะมีความเข้มข้นสูง เข้าฟื้นบำรุงผิวได้ดีกว่าโลชั่นหรือครีม หากเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหาผิวด้านนี้ ควรเลือกน้ำมันทาผิวสำหรับคุณแม่ที่ใช้ส่วนผสมออร์แกนิคหรือไม่มีสารเติมแต่งอย่างพาราเบน สีและน้ำหอม เพื่อให้ปลอดภัยกับลูกน้อยและมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็วค่ะ
รอยแตกลายมักพบในผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักอย่างรวดเร็วหรือสตรีตั้งครรภ์ ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าน้ำมันทาผิวที่มีคุณสมบัติในการการป้องกันรอยแตกลายนั้นจะสามารถป้องกันได้จริง แต่การใช้น้ำมันทาผิวที่ทำจากน้ำมันอัลมอนด์ (Almond Oil) หรือน้ำมันโรสฮิป (Rosehip Oil) พบว่าช่วยลดอาการคัน และรอยแดงที่เกิดขึ้นบริเวณรอยแตกลายได้ พร้อมทั้งยังสามารถลดความรุนแรงของรอยแตกลายได้อีกด้วย โดยการทาน้ำมันทาผิวชนิดนี้ ควรนวดขณะทาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของน้ำมันทาผิวให้ซึมลึกเข้าสู่ผิวมากยิ่งขึ้น
ส่วนผสมที่มักใช้ในน้ำมันทาผิวนั้น นอกจากจะเป็น Mineral Oil หรือน้ำมันแร่สกัดบริสุทธิ์แล้ว ยังมีน้ำมันสกัดจากธรรมชาติอื่น ๆ อย่างน้ำมันมะกอก, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันงา, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันอัลมอนด์, น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน รวมไปถึงน้ำมันสกัดเข้มข้นอื่น ๆ ที่กำลังฮิตอยู่ในปัจจุบันอย่างโจโจ้บา ออยล์ (Jojoba Oil) ที่มีโครงสร้างคล้ายกับน้ำมันในผิวหนังของมนุษย์ ให้ผิวชุ่มชื้นได้อย่างอ่อนโยน และโรสฮิป ออยล์ (Rosehip Oil) ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวให้สวยกระชับ เต่งตึงอีกด้วยค่ะ
นอกจากนี้ หากเราต้องการความอ่อนโยนให้กับผิวโดยเฉพาะผิวหน้า ก็อาจเลือกเป็นแบบออร์แกนิค มีมาตรฐานรับรอง หรืออาจเลือกจากส่วนผสมเพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มการบำรุงด้านอื่น ๆ เช่น ลดริ้วรอย เพิ่มความขาวกระจ่างใส เป็นต้น
ประโยชน์หลัก ๆ ของน้ำมันทาผิวส่วนใหญ่ คือ ลดการสูญเสียน้ำจากเซลล์ผิวและกักเก็บความชุ่มชื้น แต่อาจมีคุณสมบัติอื่น ๆ เพิ่มเติมในบางชนิด เช่น ลดการอักเสบระคายเคืองในน้ำมันที่สกัดจากโอ๊ต (Oat Oil), ป้องกันเชื้อแบคทีเรียในน้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) หรือช่วยควบคุมความมันได้ในอาร์แกน ออยล์ (Argan Oil) และโจโจบา ออยล์ (Jojoba Oil) ดังนั้น หากเรามีปัญหาผิวเฉพาะด้าน เราก็จำเป็นต้องดูส่วนประกอบของน้ำมันเป็นหลักเพื่อประโยชน์ที่ดีกว่าค่ะ
หากคุณต้องการใช้น้ำมันทาผิวเพื่อความผ่อนคลายหลังจากการทำงานหรือภารกิจต่าง ๆ ในแต่ละวัน ก็อาจมองหาน้ำมันทาผิวที่มีกลิ่นหอม โดยอาจเป็นน้ำหอมสังเคราะห์หรือน้ำมันหอมสกัดจากธรรมชาติ เช่น กลิ่นดอกไม้ที่แต่งเติมเข้ามาหรือกลิ่นของน้ำมันชนิดนั้น ๆ อย่างกลิ่นน้ำมันอัลมอนด์ที่มีความเข้มแต่นุ่มนวล กลิ่นงาของน้ำมันงา กลิ่นมะพร้าวในน้ำมันมะพร้าว เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น หากกลิ่นนั้นมาจากน้ำหอมก็ควรเลือกใช้แบบ Natural Fragrance หรือแบบสกัดจากธรรมชาติเพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองกับผิวค่ะ
เราสามารถเลือกน้ำมันทาผิวจากกลิ่นที่ชื่นชอบได้หากไม่มีปัญหาผิวหนังที่ต้องใช้น้ำมันเฉพาะ โดยการเลือกจากกลิ่นนั้นอาจดูจากจุดประสงค์ที่ใช้ เช่น เลือกน้ำมันทาผิวที่มีกลิ่น เย็น สดชื่นในช่วงเช้าเพื่อพร้อมรับวันใหม่ และกลิ่นที่เบา ผ่อนคลายในช่วงก่อนนอนที่ช่วยทำให้ประสาทรับรู้ด้านกลิ่นมีความผ่อนคลายมากขึ้น เป็นต้น
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | ราคา | คะแนน | |
---|---|---|---|---|---|
1 | L'Occitane L'Occitane Immortelle Divine Youth Face Oil | 2,690 บาท ราคาค่อนข้างสูง | คุณค่าอาหารผิวด้วยสารสกัดธรรมชาติ ลดริ้วรอย ให้ผิวอ่อนเยาว์ | ||
2 | Clarins Tonic Body Treatment Oil | 2,250 บาท ราคาค่อนข้างสูง | สกัดจากพืชและสมุนไพรธรรมชาติ 100% อ่อนโยน ผู้ตั้งครรภ์ใช้ได้ | ||
3 | PANPURI ArunaYouth Bakuchiol Oil | 2,615 บาท ราคาค่อนข้างสูง | หมดปัญหาผิวทั้งริ้วรอยและความหมองคล้ำ ให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย | ||
4 | Trilogy Certified Organic Rosehip Oil | 720 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | คุณค่าโรสฮิปออร์แกนิคล้วน ให้คุณประโยชน์เข้มข้น ทาได้ทั้งตัว | ||
5 | L’Occitane Almond Supple Skin Oil | 2,190 บาท ราคาค่อนข้างสูง | ออยล์สกัดจากอัลมอนด์มากกว่า 50% กลิ่นหอมหวาน ติดผิวได้นาน | ||
6 | The Body Shop The Body Shop Oils Of Life Intensely Revitalising Facial Oil | 1,953 บาท ราคาค่อนข้างสูง | พลังของน้ำมันมะกอกออร์แกนิค ช่วยบำรุงผิวชุ่มชื้นเนียนนุ่ม | ||
7 | Bio-Oil Bio-Oil | 624 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | ทาได้ทั้งตัวและใบหน้า ลดเลือนรอยแตก อ่อนโยนต่อหญิงตั้งครรภ์ | ||
8 | Huxley Oil Light and More | 805 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | เติมน้ำและสารต้านอนุมูลอิสระ อ่อนโยน ทาริมฝีปากและเส้นผมได้ | ||
9 | Neutrogena Neutrogena Body Oil Light Sesame | 545 บาท ราคาต่ำ | น้ำมันงาขาวเนื้อบางเบา มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ | ||
10 | Palmer's Palmer's Skin Therapy Oil | 699 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | น้ำมันสกัดเข้มข้น 5 ชนิดให้ผิวนุ่ม เนื้อบางเบาด้วยเทคโนโลยีเฉพาะ |
น้ำมันสกัดเข้มข้นสำหรับผิวหน้าจาก L'Occitane สูตรต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย โดยมี Immortelle Super Extract สารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยให้การบำรุงอย่างล้ำลึก เทียบเคียงได้กับการใช้เรตินอลที่ช่วยให้ผิวกระชับและเรียบเนียน พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่อ่อนโยนต่อผิวมากกว่า นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมของออยล์จากพืชพรรณธรรมชาติกว่า 9 ชนิด อุดมด้วยวิตามินและกรดไขมัน ช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับชั้นผิว เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เพื่อบำรุงผิวในเรื่องริ้วรอย
คุณประโยชน์จากน้ำมันที่สกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ 100% ทำให้น้ำมันทาผิวจากคลาแรงส์ขวดนี้เป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยส่วนผสมของน้ำมันทำมาจาก Rosemary, Geranium และ Mint ที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น รู้สึกได้ว่ากระชับมากขึ้น พร้อมทั้งให้สัมผัสที่เรียบเนียน ลดรอยแตกลายและรอยแผลเป็นให้ดูจางลงได้อย่างรวดเร็ว มีกลิ่นหอม นอกจากนี้ ยังผสานคุณค่าจากน้ำมัน Hazelnut ช่วยคืนความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิวได้ดีมากยิ่งขึ้น อ่อนโยน ไม่มีสารกันเสีย ผู้ตั้งครรภ์สามารถใช้บำรุงผิวได้อย่างปลอดภัยค่ะ
หากใครมีปัญหาผิวที่เกิดขึ้นจากวัย ทั้งริ้วรอย, ความหมองคล้ำ, ฝ้า, กระ, จุดด่างดำ ไม่ควรมองข้ามน้ำมันทาผิวหน้าที่มีเนื้อออยล์สีฟ้าที่แปลกตาจากปัญญ์ปุริตัวนี้เลยค่ะ เพราะตัวออยล์ช่วยเสริมให้ผิวแลดูอ่อนวัย ช่วยลดเลือนริ้วรอยให้ดูตื้นขึ้นและจางลง ผสานคุณค่าจาก ArunaYouth ที่มีเรตินอลธรรมชาติอย่าง Bakuchiol ที่มีความเข้มข้น 1% เพิ่มผลลัพธ์ผิวที่กระชับและแต่งตึงได้มากกว่า พร้อมทั้งมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาเรื่องความกระชับของผิว เม็ดสี และเติมน้ำในผิวได้เป็นอย่างดี เหมาะกับการทาในเวลากลางคืนก่อนนอนค่ะ
น้ำมันทาตัวคุณภาพดีจาก Rosehip Oil ออร์แกนิคล้วน 100% ที่ได้รับการรับรองว่า ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่มีส่วนผสมหรือสารเติมแต่งอื่น ผ่านกระบวนการสกัดเย็นเพื่อรักษาคุณประโยชน์ไว้ให้ได้มากที่สุด อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3, 6 และ 9 ที่ลดเลือนรอยแผลเป็น รอยแตกลาย รวมไปถึงริ้วรอยบริเวณร่องแก้มและหางตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เนื้อออยล์มีกลิ่นหอมคล้ายชา สีเข้ม บางเบา เรียกได้ว่าควรมีติดบ้านไว้ใช้เป็นออยล์อเนกประสงค์ที่ทาได้ทุกโอกาสค่ะ
ความโดดเด่นของน้ำมันอัลมอนด์ที่เข้มข้นทำให้ใครหลายคนติดใจออยล์จากล็อกซิทานขวดนี้ เพราะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น คงน้ำในชั้นเซลล์ผิว พร้อมผสานคุณค่าจากน้ำมันคาเมลลินาที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และ 6 ให้ผิวดูนิ่ม อิ่มฟู ทั้งยังมีส่วนผสมอื่นที่ช่วยให้ผิวกระชับมากขึ้น นอกจากนี้ แพ็กเกจจิ้งยังเป็นแบบสเปรย์ที่ใช้งานง่าย สามารถฉีดทาแต่ละส่วนได้ในปริมาณที่พอเหมาะ มีกลิ่นหอมหวานละมุนให้ความรู้สึกอบอุ่น ติดผิวได้ยาวนาน เนื้อออยล์เข้มข้น ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งแตก เป็นขุยง่ายค่ะ
ออยล์สกินแคร์เพื่อการบำรุงผิวหน้าโดยเฉพาะจาก The Body Shop ขวดนี้สามารถใช้ได้ทุกวันเพื่อช่วยฟื้นฟูผิวให้มีความชุ่มชื้นและกระจ่างใส โดยส่วนผสมหลักที่ใช้ คือ น้ำมันมะกอกออร์แกนิคจากประเทศอิตาลี ผสานเข้ากับน้ำมันจากเมล็ดสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ ทั้ง Black Cumin Seed Oil จากอียิปต์, Rosehip Seed Oil จากชิลี และ Camelia Seed Oil จากจีน ผ่านกระบวนสกัดเย็นเพื่อคงคุณประโยชน์ครบถ้วน เนื้อออยล์บางเบา ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเต่งตึงขึ้น อ่อนโยนต่อผิวบอบบางแพ้ง่าย
หากพูดถึงน้ำมันทาผิวแล้วต้องมียี่ห้อนี้อยู่ด้วยเสมอ เพราะมีจุดเด่นในเรื่องของการลดรอยแตกลายและสัญญาณของริ้วรอยให้ดูจางลง ทั้งยังมีส่วนผสมของ Mineral Oil ที่ผ่านการสกัดบริสุทธิ์ ผสานกับวิตามินและน้ำมันสกัดจากธรรมชาติหลายชนิด ที่มีส่วนช่วยในการสมานแผล ลดรอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนนุ่ม เนื้อออยล์ซึมซาบไว มีกลิ่นหอมจากดอกไม้นานาชนิดให้ความผ่อนคลาย หญิงตั้งครรภ์สามารถใช้ได้ จะทาตัวหรือใบหน้าก็อ่อนโยน
น้ำมันทาผิวหน้าจากยี่ห้อสกินแคร์ที่กำลังฮอตฮิตจากประเทศเกาหลีใต้ขวดนี้มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากพืชพรรณหลากชนิด ซึ่งมีส่วนช่วยในการเติมน้ำและสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากมลภาวะและความเครียดในชีวิตประจำวัน ส่วนผสมที่ใช้เป็นออร์แกนิคและผ่านการรับรองว่าปลอดภัย อ่อนโยน โดยส่วนผสมหลักอย่างน้ำมันสกัดจาก Prickly Pear Seed Oil ช่วยให้ความชุ่มชื้นและให้โครงสร้างของชั้นผิวมีความแข็งแรงขึ้น เนื้อออยล์บางเบา สามารถใช้ทาส่วนอื่นอย่างริมฝีปาก เส้นผม หรือผสมในครีมบำรุงเพื่อให้มีผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นได้ตามต้องการเลยค่ะ
ออยล์ทาผิวเนื้อบางเบาจากนูโทรจีน่า ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว สามารถทาได้ทุกวันหลังอาบน้ำทั้งเช้าและเย็น หรือผสมในอ่างอาบน้ำ โดยน้ำมันที่ใช้สกัดมาจากงาขาวที่ผ่านกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้น้ำมันเข้มข้นบริสุทธิ์ ช่วยบำรุงให้ผิวพรรณเนียนนุ่ม รู้สึกได้ว่าผิวเต่งตึงและชุ่มชื้น ทาแล้วไม่รู้สึกหนักผิวหรือเหนียวเหนอะหนะหลังทา อีกทั้งยังมีคุณค่าจากสารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่ในงาขาว ลดอาการอักเสบของผิว และเป็นเกราะปกป้องผิวจากมลภาวะ สามารถใช้ได้เป็นประจำทุกวัน
น้ำมันทาตัวที่มีส่วนผสมของออยล์สกัดเข้มข้นถึง 5 ชนิด แต่มีเนื้อสัมผัสที่บางเบาด้วยเทคโนโลยี Cetesomate-E อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่จะช่วยให้น้ำมันซึมซาบเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ทิ้งคราบหรือความเหนียวเหนอะหนะ ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น ลดอาการผิวแห้งแตกและคัน ลดเลือนริ้วรอย รอยแตกลายและรอยแผลเป็นให้ดูจางลง รวมถึงแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ เนื้อน้ำมันมีความใส ลื่น เกลี่ยง่าย มีกลิ่นหอมจาง ๆ เหมาะกับการบำรุงผิวหลังจากอาบน้ำเสร็จ
น้ำมันทาผิวมีหน้าที่สำคัญ คือ กักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในผิว ดังนั้น หากเราเป็นคนที่มีผิวค่อนข้างดี สามารถใช้น้ำมันทาผิวอย่างเดียวได้ โดยทาทันทีหลังอาบน้ำเสร็จขณะที่ตัวยังชื้นอยู่ เพราะน้ำมันจะซึมเข้าผิวได้ดีกว่า
แต่หากมีผิวแห้ง การใช้น้ำมันทาผิวเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องทาครีมเพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิวก่อนแล้วจึงค่อยใช้น้ำมันทาผิวในขั้นตอนถัดมาเพื่อเป็นการเคลือบผิวไว้อีกชั้นหนึ่ง อีกทั้งยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นที่ได้จากครีมบำรุงได้ได้อีกด้วย
หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้วว่า จะเลือกซื้อน้ำมันทาผิวยี่ห้อไหนดี โดยอ้างอิงจากวิธีการเลือกน้ำมันทาผิวพร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและ 10 อันดับ น้ำมันทาผิว ที่เราได้นำเสนอไป ก็อย่าลืมเก็บรักษาน้ำมันทาผิวอย่างมิดชิดและตรวจสอบวันหมดอายุเสมอนะคะ เพราะน้ำมันทาผิวอาจเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้นและทำให้ประสิทธิภาพลดลงหากมีฝุ่นละอองหรือแบคทีเรียต่าง ๆ เข้าไปสะสม โดยอาจสังเกตได้จากสี กลิ่นและเนื้อน้ำมันค่ะ
อันดับที่ 1: L'Occitane|L'Occitane Immortelle Divine Youth Face Oil
อันดับที่ 2: Clarins|Tonic Body Treatment Oil
อันดับที่ 3: PANPURI|ArunaYouth Bakuchiol Oil
อันดับที่ 4: Trilogy|Certified Organic Rosehip Oil
อันดับที่ 5: L’Occitane|Almond Supple Skin Oil
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ