10 อันดับ ตู้เย็น ยี่ห้อไหนดี ฉบับล่าสุดปี 2020

สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเมื่อต้องซื้อตู้เย็นมีอยู่หลายประเด็น อาทิ ปริมาณความจุ ประสิทธิภาพการใช้งาน ระบบประหยัดพลังงาน และอื่น ๆ ซึ่งเราจะลงรายละเอียดในลำดับต่อไปนี้เลยค่ะ

คุณเคยเดินเข้าไปในแผนกเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วสงสัยไหมว่า ตู้เย็นที่ตั้งโชว์ขนาดเล็ก-ใหญ่ และมีราคาหลากหลายนั้นแตกต่างกันอย่างไร? แล้วบ้านคุณควรเลือกซื้อรุ่นไหนและขนาดไหนดี? วันนี้เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ

สำหรับใครที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวที่มีสมาชิกตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะใช้ตู้เย็นขนาดเล็กก็อาจจุสิ่งของ หรืออาหารได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้น เราขอแนะนำให้เลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่า ควรเลือกซื้อขนาดกี่คิว? ไม่ต้องห่วงค่ะ เรามีสูตรคำนวนง่าย ๆ มาบอกคุณแล้ว

วิธีการคือ นำ “70 ลิตร x จำนวนสมาชิกในครอบครัว + 100 ลิตร (ปริมาณอาหารที่มีติดตู้เย็นโดยประมาณ) + 70 ลิตร (ความจุสำรอง)” แล้วหารด้วย 28.3 ให้ได้หน่วยเป็นคิว ซึ่งเป็นหน่วยนับสำหรับตู้เย็นที่ใช้กันทั่วไปในประเทศไทย เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนาดตู้เย็นที่มีความจุเหมาะสมแก่การใช้งานแล้วค่ะ

ถ้าอยู่กันตั้งแต่ 2 คนแนะนำให้ซื้อตู้เย็นขนาดประมาณ 10.9 คิวจะกำลังดี แต่สำหรับบ้านไหนที่มีสมาชิกอยู่ 5 คนขึ้นไป ควรใช้ตู้เย็นที่จุอย่างน้อย 18 คิวขึ้นไปค่ะ แล้วถ้าใครมีแพลนที่จะขยายครอบครัวควรพิจารณาตู้เย็นขนาดใหญ่ เพราะตู้เย็นมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 ปี เรียกได้ว่า ใช้กันตั้งแต่เด็กจนเป็นหนุ่มเป็นสาวเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การคำนวนข้างต้นนี้เป็นเพียงคำแนะนำเบื้องต้น ให้คุณผู้อ่านพิจารณาถึงไลฟ์สไตล์ของตนเอง แล้วอาจปรับเพิ่ม-ลดขนาดของตู้เย็นตามต้องการ เช่น บางคนชอบตุนของสด หรือบางครอบครัวมีสมาชิกเยอะอาจต้องเลือกขนาดใหญ่ขึ้นอีกนิด  ทั้งนี้ ลองปรับขนาดการใช้งานให้เหมาะสมกับตนเอง เพราะการเลือกไซซ์นั้นก็เอื้อประโยชน์ให้คุณได้หลายด้านเลยค่ะ

การเลือกตู้เย็นสำหรับผู้อยู่อาศัยคนเดียวนั้น แนะนำให้ซื้อตู้เย็นขนาดเล็ก ความจุไม่เกิน 3.5 คิวก็เพียงพอสำหรับการแช่อาหาร น้ำดื่ม และของสดต่าง ๆ ซึ่งตู้เย็นขนาดเล็กนี้จะมีขนาดกะทัดรัด สามารถจัดวางไว้ในห้องได้โดยไม่เปลืองพื้นที่ นอกจากนี้สำหรับคนที่อยู่หอพัก หรือคอนโดที่มีพื้นที่ภายในห้องจำกัด แต่จำเป็นต้องมีตู้เย็นไว้ใช้งานก็อาจมองหาทางเลือกอื่น ๆ ได้ เช่น การเลือกใช้งานตู้เย็นมินิบาร์ ความจุเพียง 1.5-1.6 คิว ซึ่งมีผลิตและจำหน่ายให้คุณเลือกมากมายเช่นกันค่ะ

ปัจจุบันตู้เย็นหลายแบรนด์ก็ผลิตชั้นวางของมาให้ใช้สอยตามการใช้งาน หากคุณเป็นคนที่ชอบเปิดและหยิบของในตู้เย็นเป็นประจำ ควรเลือกตู้เย็นที่มีชั้นวางแทรกอยู่ตรงกลางช่องเก็บผัก เพราะหากมีชั้นวางนี้จะทำให้คุณหยิบจับของได้สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาในการหาของ อีกทั้งยังช่วยในการจัดระเบียบและแยกประเภทผัก ผลไม้ หรือของในตู้เย็นให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น

นอกจากนี้ สำหรับใครที่ชอบซื้อหยิบผักสดอยู่บ่อย ๆ  แนะนำให้เลือกตู้เย็นที่มีช่องเก็บอย่างน้อย 3 ประตู จะช่วยในการเก็บรักษาความสดใหม่ของผักไว้ได้นานขึ้นค่ะ

เมื่อมีตัวเลือกรุ่นที่โดนใจในแง่ของความจุแล้ว อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ โดยละเลยเรื่องของขนาดความกว้าง ความยาว และความสูงของตู้เย็นเป็นอันขาดเลยนะคะ ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปอ่านพร้อม ๆ กันค่ะ

เนื่องจากตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการระบายความร้อนออกด้านนอกตลอดเวลา ก่อนตัดสินใจซื้อควรกะเกณฑ์ให้ดีว่าเมื่อวางลงแล้วจะมีพื้นที่เผื่อเหลือสำหรับการระบายความร้อนนี้หรือไม่ เพราะมิฉะนั้นอาจทำให้ตู้เย็นไม่ค่อยเย็น กินไฟมากขึ้น แล้วส่งผลเสียระยะยาวอีกด้วย

ดังนั้น ทางที่ดีควรเลือกซื้อตู้เย็นโดยทำการวัดขนาดพื้นที่ที่จะนำไปวางเสียก่อน โดยให้มีพื้นที่ด้านบนเหลือไว้อย่างน้อย 5 เซนติเมตรและพื้นที่ด้านข้างทั้ง 2 ข้างอย่างน้อยข้างละ 5 มิลลิเมตร แต่หากบ้านไหนที่มีพื้นที่จำกัด ควรศึกษารายละเอียดของขนาดตู้เย็นที่ต้องการก่อนซื้อ เพราะแต่ละรุ่นจะมีขนาดที่ต่างกันไป ซื่งบางรุ่นอาจจะเข้าไม่ได้กับพื้นที่ของคุณค่ะ

ตู้เย็นเป็นสิ่งของที่ประกอบมาสำเร็จรูปจากโรงงาน ซึ่งไม่ว่าคุณจะสั่งซื้อทางออนไลน์ หรือจากหน้าร้านโดยตรง จะต้องมีขั้นตอนการขนย้ายเข้าบ้านอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือ คุณต้องเลือกซื้อตู้เย็นที่ขนาดไม่ใหญ่เกินกว่าช่องทางเดิน หรือพื้นที่ขนย้ายของ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้ตู้เย็นเสียหาย หรือขนเข้าบ้านไม่ได้นั่นเอง

ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อให้คุณตรวจเช็กพื้นที่ตั้งแต่ประตูทางเข้าบ้าน โถงทางเดิน เหลี่ยมมุมบานประตูทุกห้องที่ต้องผ่าน ให้มีพื้นที่เหลืออย่างน้อย 10 เซนติเมตร เพื่อความคล่องตัวในการขนย้ายค่ะ

สำหรับทิศทางการเปิดบานประตูของตู้เย็น จะมีประโยชน์มากกับคนที่มีพื้นที่จำกัด หรือมีพื้นที่กว้างขวาง และต้องการการใช้งานอย่างเหมาะสม จะมีวิธีการเลือกอย่างไรนั้นไปติดตามกันเลยค่ะ

ต่อเนื่องจากหัวข้อด้านบน สำหรับบ้านใครที่ไม่มีเงื่อนไขเรื่องพื้นที่มาเป็นข้อจำกัด คุณก็สามารถเลือกรุ่นที่ต้องการได้ตามสะดวก ไม่ว่าจะบานเดี่ยว หรือบานคู่ แต่สำหรับคนที่ใช้งานบ่อยและมีของสดที่ต้องการจัดเก็บจำนวนมาก ขอแนะนำให้เลือกซื้อตู้เย็นแบบ 2 ประตูไปเลย เพราะนอกจากจะมีขนาดใหญ่ขึ้นแล้ว ยังทำให้คุณจัดวางอาหาร-เครื่องดื่มได้ทั้ง 2 ประตู มีช่องเก็บเยอะ ไม่ว่าจะเปิดด้านไหนก็ใช้หยิบของได้อย่างอิสระ อีกทั้งยังมีระบบประหยัดพลังงานด้วยค่ะ

ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างกินไฟมาก เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ไฟฟ้าหลายชนิด เช่น โทรทัศน์ พัดลม เป็นต้น ถ้าคุณอยากใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยที่กระเป๋าเงินไม่แฟบ ควรทำตามคำแนะนำที่จะกล่าวต่อไปนี้เลยค่ะ

การเลือกตู้เย็นอย่างชาญฉลาดนั้น ต้องเลือกที่ผ่านการทดสอบ และรับรองโดยหน่วยงานที่เชี่ยวชาญแล้วว่า เป็นรุ่นประหยัดไฟฟ้า ซึ่งในไทยเรามีเครื่องหมาย “เบอร์ 5” เป็นเครื่องหมายการรับรองโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฝผ.) เป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากและเชื่อถือได้เป็นอย่างยิ่ง หากกำลังจะตัดสินใจซื้อตู้เย็นรุ่นไหน ให้มองหาสัญลักษณ์เลข 5 นี้ไว้นะคะ

ทั้งนี้ ฉลากเบอร์ 5 ถือเป็นค่าสูงสุดของสินค้าช่วยประหยัดไฟฟ้า แต่ถ้าพบเห็นตัวเลข 4 และ 3 ก็พอใช้ได้เหมือนกัน แต่จะเป็นค่าที่กินไฟเยอะขึ้น และมีคุณสมบัติด้อยกว่าเล็กน้อย กล่าวคือ ตู้เย็นฉลากเบอร์ 3 : กินไฟ 332 หน่วย/ปี เสียค่าไฟประมาณ 840 บาท/ปี ส่วนตู้เย็นฉลากเบอร์ 4 : กินไฟ 262 หน่วย/ปี เสียค่าไฟประมาณ 644 บาท/ปี ในขณะที่ตู้เย็นฉลากเบอร์ 5 : กินไฟ 220 หน่วย/ปี เสียค่าไฟประมาณ 573 บาท/ปี หากคุณอ่านแล้วจะพบว่า เพียงแค่เลือกค่าประหยัดไฟมากขึ้นอีกสักนิด จะช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากเลยทีเดียวค่ะ

ดีไซน์ด้านในของตู้เย็นแต่ละแบรนด์ย่อมมีการจัดวางที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะชั้นวางของย่อย ๆ ในตู้เย็น ควรเลือกดีไซน์ที่ถอดออกและล้างทำความสะอาดได้สะดวก ดีกว่าการเลือกชั้นวางที่มีดีไซน์แปลกตา เช่น มีร่องเว้า-นูน เป็นต้น ซึ่งอาจจะทำความสะอาดได้ลำบาก หรือแม้แต่ตู้เย็นที่มีช่องทำน้ำแข็งมาให้ จึงควรเลือกที่มีช่องใส่น้ำ และท่อจ่ายน้ำแข็งที่สามารถถอดล้างได้

นอกจากนี้ ชั้นวางควรเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง อย่างเช่น ชั้นวางกระจก เพราะมีความสวยงาม ทนทาน ทำความสะอาดง่าย และมีความใสเหมือนแก้ว นอกจากนี้ ในตู้เย็นบางรุ่นไม่สามารถทำการติดแม่เหล็กได้ สำหรับใครที่ชอบเขียนโน้ตและติดไว้ที่ตู้เย็น ควรพิจารณาและศึกษาเลือกรุ่นที่สามารถใช้งานในแบบที่ต้องการกันนะคะ

ในแบรนด์ผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ จะมีเอกลักษณ์การดีไซน์และฟังก์ชันที่ไม่เหมือนกัน จึงควรเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตนเอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้สูงสุด ดังนั้น เราจึงขอหยิบยกแบรนด์ผู้ผลิตที่ได้ความนิยมในปัจจุบันกัน ว่าแต่จะมีแบรนด์ไหนที่เข้าตากันบ้าง ไปชมกันค่ะ

ตู้เย็นของแบรนด์นี้ ถูกดีไซน์ให้มีความบางเฉียบ โดยใช้ระบบ ECONAVI ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์อัจริยะตรวจจับสภาพการทำงาน และวิเคราะห์คอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์ เพื่อปรับความเย็นในตู้เย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบนี้ไม่ว่าคุณจะเปิด-ปิดตู้เย็น ปริมาณบรรจุที่มาก หรืออุณหภูมิที่วางตู้เย็นเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็สามารถทำการปรับอุณหภูมิความเย็นได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งบานประตูที่กว้าง จึงสามารถมองหาของที่วางในตู้เย็นได้ง่ายขึ้นค่ะ

หากคุณเป็นคนที่ชอบให้ของในตู้เย็น เช่น ผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์สดใหม่อยู่เสมอ ตู้เย็นของแบรนด์นี้ตอบโจทย์ตามความต้องการของคุณเลยค่ะ ด้วยระบบ Twin Cooling ที่มอบความเย็นฉ่ำทั่วทุกพื้นที่ จึงทำให้ช่วยรักษาและคงสภาพของผัก หรือของสดต่างๆ ไว้ให้นานที่สุด อีกทั้งการควบคุมอุณหภูมิยังถูกแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจนระหว่างช่องผักและช่องแช่แข็ง จึงทำให้แต่ละพื้นที่มีประสิทธิภาพในการกักเก็บความสดใหม่ไว้ได้อย่างดี

ระบบสุญญากาศอัจฉริยะที่มีในตู้เย็นของแบรนด์นี้ ไม่เพียงแต่ทำให้อาหารต่าง ๆ ยังคงความสดใหม่ตลอด ยังช่วยถนอมคุณค่าและรสชาติให้ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง อีกทั้งไม่ว่าจะแช่เนื้อสัตว์ หรือปลา ในตู้เย็นนี้ยังมีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิ ช่วยรักษาความสดใหม่เสมือนเก็บในช่องแช่แข็งที่มีอุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส

ระบบการทำงานของตู้เย็นแบรนด์นี้ ได้รวมเอาระบบ Smart Freeze มาช่วยในการรักษาความสดของอาหาร แม้จะมีระบบกักเก็บความเย็นในระดับ -7 องศาเซลเซียส ก็ไม่ทำให้ของที่แช่แข็งนั้นแข็งเกินไป อีกทั้งยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้ในทันที นอกจากนี้ ยังมีทั้งดีไซน์และขนาดมาให้เลือกอย่างหลากหลาย จึงทำให้สามารถเลือกความจุและพื้นที่วางได้ตามต้องการเลยค่ะ

ตู้เย็นของแบรนด์นี้เหมาะกับครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกที่มาก และต้องการพื้นจัดเก็บของในตู้เย็นอย่างหลากหลาย ด้วยความเย็นที่ -40 องศาเซลเซียส จึงสามารถรักษาความสดของเนื้อสัตว์ หรือของที่แช่ไว้ให้ยังคงรสชาติที่อร่อยเหมือนเดิม อีกทั้งพื้นที่ที่กว้างขวาง ทำให้จุของในปริมาณที่มากได้ และยังสามารถหาของที่ต้องการได้ง่าย หรือจะเป็นเครื่องดื่มต่าง ๆ ก็สามารถแช่เย็นได้ โดยไม่ทำให้เสียรสชาติเลยค่ะ

จากวิธีการเลือกเพื่อน ๆ คงจะเห็นแล้วใช่ไหมล่ะคะ ว่าตู้เย็นนั้นมีมากมายหลายประเภททั้งแบบมินิ ที่นิยมใช้สำหรับในห้องส่วนตัวหรือใช้ในสำนักงาน ไปจนถึงแบบ 2 ประตู และ 3 ประตูที่นิยมใช้ในครัวเรือน ตู้เย็นแต่ละแบบนั้นต่างกันที่ความจุและความเหมาะสมของขนาดพื้นที่ห้อง ใครที่กำลังตามหาตู้เย็นแบบไหนลองเข้าไปดูได้ในบทความข้างล่างนี้เลย 

เมื่อตู้เย็นมีการใช้งานที่ยาวนานย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา หากคุณต้องการซื้อตู้เย็นใหม่ของแบรนด์เดิม และไม่ต้องการตู้เย็นเก่าแล้ว ปัจจุบันมีหลายบริษัทฯ ที่รับคืน หรือรับซื้อเครื่องเก่าที่ไม่ใช้แล้ว เนื่องจากของเก่าที่ทางบริษัทรับมานั้น จะถูกนำไปกำจัด หรือรีไซเคิล ซึ่งอาจจะมีเงื่อนไขต่าง ๆ และต้องชำระเงินเพิ่มเติมค่ะ ทั้งนี้ ให้ลองติดต่อ-สอบถามไปยังบริษัทฯ เพื่อขอข้อมูลการซื้อ-คืนของเก่า จะได้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาตู้เย็นเก่าที่ไม่ได้ใช้ และต้องวางทิ้งไว้ที่บ้านอย่างเสียดายค่ะ