10 อันดับ ตู้เย็น Sharp รุ่นไหนดี ปี 2022 ฟังก์ชันครบครัน เก็บรักษาและถนอมอาหารได้ดีเยี่ยม ทนทานใช้ได้นาน

SHARP เป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นที่ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้ามาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าของแบรนด์นี้ขึ้นชื่อในเรื่องของความแข็งแรงทนทาน ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยเฉพาะตู้เย็น ที่มาพร้อมกับดีไซน์และสีสันที่ทันสมัยไม่ตกยุค เข้ากันได้ดีกับทุกครัวเรือนแม้จะใช้งานนานหลายปี

นอกจากนี้ ยังมีขนาดความจุมากมายให้คุณเลือกสรร ตั้งแต่ตู้เย็นมินิบาร์, ตู้เย็น 1 ประตู, ตู้เย็น 2 ประตู ไปจนถึงตู้เย็นมัลติดอร์ และที่สำคัญ ตู้เย็นของ SHARP ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เช่น เทคโนโลยี J-Tech Inverter, ระบบ Ag+ Cu Nano Deodorizer รวมถึงฟังก์ชันยับยั้งการเกิดเชื้อราและแบคทีเรีย Plasmacluster ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าของ SHARP เท่านั้นด้วยค่ะ

ถ้าทุกคนพร้อมกันแล้ว เรามาดูวิธีการเลือกตู้เย็น Sharp ที่ทีมงานมายเบสท์ได้รวบรวมข้อมูลทั้งความจุ, ขนาด, จำนวนประตู และฟังก์ชันการใช้งานมาให้โดยละเอียดกันเลยดีกว่าค่ะ 

สิ่งที่ขอแนะนำให้ตรวจสอบเป็นอันดับแรกเลยก็คือ ความจุของตู้เย็น โดยการเลือกความจุของตู้เย็นนั้น ขอให้พิจารณาจากจำนวนสมาชิกในครอบครัว ร่วมกับไลฟ์สไตล์ไปพร้อมกัน ๆ ซึ่งตู้เย็น Sharp ก็มีวางจำหน่ายอยู่หลากหลายความจุ ตั้งแต่มินิบาร์ที่มีความจุน้อยสุด คือ 1.6 คิว ไปจนถึงมัลติดอร์ที่มีความจุมากสุดถึง 24.4 คิวค่ะ โดยสามารถเลือกความจุของตู้เย็นจากจำนวนสมาชิกในครอบครัวได้ ดังต่อไปนี้

• ตู้เย็นมินิบาร์หรือตู้เย็นขนาดเล็กขนาดความจุ 1.6 – 6 คิว เหมาะสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่คนเดียวหรือครอบครัวที่ไม่ได้ทำอาหารที่บ้านบ่อย ๆ
• ตู้เย็นขนาดความจุ 6 – 9 คิว เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 2 – 3 คน
• ตู้เย็นขนาดความจุ 12 – 15 คิว เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกประมาณ 4 – 5 คน
• ตู้เย็นขนาดใหญ่ที่มีความจุ 15 คิวขึ้นไป เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากกว่า 6 คน

นอกจากความจุแล้ว ขนาดและดีไซน์ของตู้เย็นก็สำคัญเช่นกัน เพราะจะช่วยให้เราสามารถเลือกตู้เย็นที่มีขนาดพอดี เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน และช่วยให้ขนย้ายได้สะดวกอีกด้วยค่ะ รายละเอียดจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลย

เนื่องจากตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่พอสมควร ก่อนเลือกซื้อ อย่าลืมคำนึงถึงพื้นที่ที่ต้องการจัดวางตู้เย็นด้วยนะคะ เพราะหากซื้อตู้เย็นที่ไม่พอดีกับพื้นที่แล้ว อาจทำให้การติดตั้งตู้เย็นไม่เป็นไปตามตามแผนที่วางเอาไว้ หรืออาจทำให้คุณใช้งานตู้เย็นได้ไม่สะดวกค่ะ

โดยเราขอแนะนำให้ทุกคนวัดทั้งความกว้าง ความลึก และความสูงของตู้เย็น วัดพื้นที่ที่ต้องการติดตั้ง รวมไปถึงความกว้างและความสูงของประตูห้องร่วมด้วย เพื่อตรวจสอบว่าจะสามารถขนย้ายเข้ามาทางประตูได้หรือไม่ และขอแนะนำให้วัดเป็นหน่วยเซนติเมตรนะคะ เพราะจะช่วยให้เปรียบเทียบได้ง่ายกว่าหน่วยอื่น ๆ ค่ะ 

อย่างที่ได้เกริ่นไปแล้วว่า ตู้เย็น Sharp มีตั้งแต่ตู้เย็นมินิบาร์, ตู้เย็น 1 ประตู, ตู้เย็น 2 ประตู และตู้เย็นมัลติดอร์ เราจึงควรเลือกประเภทที่เหมาะกับการใช้งานที่สุด สำหรับตู้เย็นมินิบาร์และตู้เย็น 1 ประตูนั้น เหมาะสำหรับบ้านหรือห้องที่มีพื้นที่จำกัด ส่วนตู้เย็น 2 ประตู เหมาะกับผู้ที่ใช้งานช่องแช่แข็งบ่อย ๆ และตู้เย็นมัลติดอร์ที่มีประตูเปิดทั้งด้านซ้ายและด้านขวา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแยกช่องแช่อาหารอย่างชัดเจน และต้องการความสะดวกในการหยิบใช้ เนื่องจากตู้เย็นจะแบ่งเป็นหลายช่อง ช่วยให้หยิบง่ายและรักษาความสดได้ดีค่ะ

นอกจากการใช้งานแล้ว เรายังควรตรวจสอบทิศทางในการเปิดและปิดประตูด้วยเช่นกัน เพราะถ้าทิศทางการเปิดประตูไม่เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน อาจทำให้เปิดประตูไม่สะดวกหรือวางอุปกรณ์ในครัวอื่น ๆ ได้ยาก โดยเลือกทิศทางการเปิดประตูตามตำแหน่งที่วางตู้เย็น เช่น หากวางชิดผนังฝั่งซ้าย ก็ให้เลือกตู้เย็นที่เปิดมาทางซ้าย เป็นต้น เพราะจะช่วยให้ประตูตู้เย็นไม่ดูเกะกะและช่วยประหยัดพื้นที่ได้ในระดับหนึ่งค่ะ 

ระบบ J-Tech Inverter เป็นเทคโนโลยีสุดล้ำจาก SHARP เพื่อการทำงานที่สม่ำเสมอของเครื่องทำความเย็น ช่วยลดการใช้พลังงานได้มากถึง 36% โดยระบบจะแสดงผลเมื่ออุณหภูมิถึงระดับที่กำหนดไว้ แล้วตู้เย็นก็จะเข้าสู่โหมดการทำงานแบบประหยัดพลังงาน แถมยังช่วยลดเสียงรบกวนอีกด้วย

ระบบนี้ไม่ได้มีดีแค่ประหยัดพลังงานและไร้เสียงรบกวนเท่านั้น แต่ระบบนี้ยังช่วยเพิ่มระดับการทำความเย็นได้มากกว่าระบบ Inverter ปกติถึง 9 เท่า จึงมีระบบทำความเย็นพิเศษให้คุณได้เลือกใช้งานถึง 2 โหมด คือ “Extra Cool” โหมดทำความเย็นพิเศษให้กับเครื่องดื่มหรือผลไม้ที่อุณหภูมิ 0 – 2 องศาเซลเซียส โดยไม่ทำให้กลายเป็นน้ำแข็ง เพลิดเพลินไปกับความเย็นสดชื่นได้อย่างเต็มที่ และ “Express Freeze” โหมดทำความเย็นเร่งด่วนภายใน 2 ชั่วโมง เหมาะกับชีวิตที่แสนเร่งรีบในปัจจุบันจริง ๆ ค่ะ

Plasmacluster เป็นเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นมาเป็นพิเศษโดย SHARP ทำงานโดยการสร้างและปล่อยอนุภาคไฟฟ้าบวกและลบแบบเดียวกับที่เกิดเองตามธรรมชาติออกมา ซึ่งอนุภาคไฟฟ้าเหล่านี้ จะปล่อยอนุภาคพลาสม่าคลัสเตอร์เพื่อช่วยยับยั้งและทำลายการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้อาหารในตู้เย็นยังคงความสดใหม่ได้นาน ไม่บูดหรือเน่าเสียง่าย จึงช่วยยืดอายุอาหารในตู้เย็นของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

เบื่อกันไหมคะ กับกลิ่นอาหารที่ต้องเจอเมื่อเปิดตู้เย็น ที่ไม่ว่าจะทำความสะอาดอย่างไร กลิ่นก็ไม่หมดไปสักที สำหรับผู้ที่มีปัญหารบกวนใจเรื่องนี้อยู่ SHARP ได้คิดค้นเทคโนโลยี Ag+ Cu Nano Deodorizer เพื่อมาช่วยคุณกำจัดกลิ่นเหล่านั้นแล้วค่ะ โดยระบบฟอกอากาศแบบ Ag+ Cu Nano Deodorizer จะช่วยฟอกอากาศภายในตู้เย็นในระดับนาโนและดักจับโมเลกุลที่ก่อให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ รวมทั้งกำจัดแบคทีเรียที่อยู่ภายในตู้เย็น ทั้งช่วยให้ตู้เย็นสะอาด กำจัดกลิ่นเหม็นที่เกิดจากอาหาร ทั้งยังช่วยให้อาหารสดใหม่อยู่เสมออีกด้วยค่ะ 

เมื่อรู้วิธีการเลือกตู้เย็นแบบต่าง ๆ กันไปแล้ว ต่อไป เรามาหาตู้เย็นที่ถูกใจคุณทั้งคุณสมบัติและรูปลักษณ์จากการรีวิว 10 อันดับตู้เย็น Sharp ไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ 

• SHARP - ตู้เย็น 4 ประตู รุ่น SJ-FX79T-SL
• SHARP - ตู้เย็น 4 ประตู รุ่น SJ-FX74T-SL
• SHARP - ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น SJ-X600GP-BK
• SHARP - ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น SJ-X380GP-BK
• SHARP - ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น SJ-X300TC-SL

จากวิธีการเลือกตู้เย็น Sharp และการรีวิว 10 อันดับ ตู้เย็น SharpP ในครั้งนี้ จะเห็นได้เลยว่า การเลือกตู้เย็นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่ควรคำนึงถึง นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ซื้อครั้งหนึ่งแล้ว ต้องใช้งานไปอีกหลายปีอีกด้วย หลาย ๆ คนจึงอยากได้ตู้เย็นที่มีทั้งรูปลักษณ์ภายนอก และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์กับตนเองและครอบครัวที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในการเลือกซื้อตู้เย็นจะมีรายละเอียดยิบย่อยหลายอย่าง แต่หากทุกคนค่อย ๆ พิจารณาตามที่เราได้แนะนำไป รับรองว่าต้องได้ตู้เย็นที่เหมาะสมกับการใช้งานและคุ้มค่ามากที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ 

นอกจากนี้ อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ การรักษาความสะอาดภายในตู้เย็นของเราค่ะ เพราะถึงแม้ว่าตู้เย็น Sharp จะมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจและช่วยอำนวยความสะดวกมากมาย แต่การรักษาความสะอาดขั้นพื้นฐานก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ดี เพื่อป้องกันการเกิดกลิ่นอับและเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้น หากพบว่าภายในตู้เย็นเริ่มมีกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือมีร่องรอยของคราบสกปรกต่าง ๆ ก็อย่าลืมนำฟองน้ำหรือผ้าสะอาดชุบน้ำมาทำความสะอาดให้หมดจดด้วยนะคะ