ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
สำหรับเด็กในวัย 2 - 3 ขวบเป็นวัยที่จะมีการต่อยอดพัฒนาการทางด้านภาษาและสังคม และเด็กจะเริ่มมีพัฒนาการเกี่ยวกับการขบคิดแก้ไขปัญหา ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานเพื่อเตรียมความพร้อมให้เด็กเข้าสู่วัยเรียนต่อไป ซึ่งการอ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟังนั้นเป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการเหล่านี้ได้อย่างมาก ทั้งยังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อคุณแม่กับลูกด้วย
ในปัจจุบันมีหนังสือนิทานสำหรับเด็กวางจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก วันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีการเลือกหนังสือนิทานสำหรับเด็กอายุ 2 - 3 ขวบ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้และเหมาะสมกับช่วงวัยพร้อมคำแนะนำจากคุณครูโรงเรียนอนุบาล และยังมี 10 อันดับ หนังสือนิทานสำหรับเด็กที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับพัฒนาการของเด็กในวัยนี้และมีเนื้อหาสนุกเพลิดเพลินช่วยสร้างความสุขให้กับครอบครัวมาฝากกันด้วย
ครูหญิงจบคณะศึกษาศาสตร์ เอกการศึกษาปฐมวัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และมีประสบการณ์การทำงานกับเด็กตั้งแต่วัย 2 ขวบ จนถึง 6 ขวบ ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวที่เป็นคนชอบดูแลเด็ก ๆ เป็นทุนเดิม จึงเลือกเรียนการศึกษาปฐมวัยโดยตรง เพื่อที่จะได้เข้าใจธรรมชาติของเด็กมากขึ้นและทำงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กในอนาคต นอกจากนี้ ครูหญิงมองว่าการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในช่วงปฐมวัยคือรากฐานสำคัญที่จะช่วยปูทางให้เด็กเติบโตไปได้อย่างเต็มศักยภาพ ปัจจุบันครูหญิงเป็นครูอนุบาลในโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ซึ่งเป็นโรงเรียนทางเลือกที่ใช้นวัตกรรมการเรียนรู้แบบบูรณาการบนพื้นฐานของการเล่นเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับธรรมชาติตามวัยของเด็ก ครูหญิงจึงมีความรู้และประสบการณ์ในการสอนทั้งพื้นฐานความรู้ หลักการคิดการอ่าน ทั้งยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์และจิตใจ รวมไปถึงด้านสังคมให้กับเด็กปฐมวัยโดยตรง
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการเลือกหนังสือนิทานสำหรับเด็กอายุ 2 - 3 ขวบ เรามาดูกันว่าเด็กในวัยนี้ มีพัฒนาการต่าง ๆ ที่สำคัญอย่างไรบ้าง และจะมีวิธีส่งเสริมพัฒนาการอย่างไร โดยเราจะเน้นไปที่พัฒนาการทางด้านอารมณ์ จิตใจและภาษา
ในช่วงวัย 2 - 3 ขวบ ถือเป็นช่วงวัยป่วนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเด็กในวัยนี้จะมีพัฒนาการทางด้านร่างกายที่ก้าวกระโดดขึ้นอย่างมาก จากที่เคยเดินเตาะแตะ ตอนนี้ก็จะเริ่มวิ่งและปีนป่ายได้แล้ว เพราะเป็นช่วงวัยที่เด็กกำลังทดสอบพลังกล้ามเนื้อต่าง ๆ ที่ตนเองสามารถทำได้ ดังนั้นผู้ปกครองควรเตรียมพื้นที่ จัดสถานที่หรือมุมบ้านให้ปลอดภัยที่สุดสำหรับวัยที่กำลังชอบกระโดดโลดเต้น ปีนป่าย เพราะการห้ามให้เด็กทำจะส่งผลให้เด็กเป็นคนขี้กลัว และไม่กล้าลองทำสิ่งใหม่ ๆ ทางที่ดีควรเตรียมพื้นที่หรือสถานที่ให้พร้อมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยที่สุด หรืออาจหาเวลาพาเด็ก ๆ ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านเพื่อปล่อยพลังมหาศาลของพวกเขากันค่ะ
วัย 2 - 3 ขวบเป็นวัยที่เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น รู้จักอารมณ์ที่หลากหลายมากขึ้น เช่น โกรธ เสียใจ ดีใจ มีความสุข สามารถบอกความต้องการและบอกความรู้สึกของตนเองได้ดีขึ้น เด็กเริ่มอยากลองทำในสิ่งที่ตนเองคิดหรือรู้สึกทำให้หลาย ๆ ครั้งอาจจะงอแงเมื่อรู้สึกไม่อยากทำตามที่คุณพ่อคุณแม่บอก หรืองอแงเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้น ผู้ปกครองจะต้องเตรียมรับมือกับอารมณ์เหล่านี้ของเด็กโดยไม่ควรใช้อารมณ์รุนแรงหรือวิธีเชิงลบในการตอบโต้ เพราะจะทำให้เด็กเลียนแบบ และมีอารมณ์ที่รุนแรงขึ้น ตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวการจัดการอามรมณ์ได้นั้นก็คือนิทาน ของเล่นฝึกสมาธิหรือกิจกรรมศิลปะ
"เจ้าหนูจำไม" เป็นคำนิยามที่บอกถึงพัฒนาการทางภาษาของเด็กในวัยนี้ได้ดี เพราะเป็นวัยที่เริ่มพูดได้และช่างซักถามมากขึ้น คำถามของเด็กมักจะเป็นคำถามซ้ำ ๆ และต้องการคำตอบโดยเร็วที่สุด ผู้ปกครองควรตอบคำถามเด็กอย่างใจเย็น เป็นคำตอบที่เข้าใจง่าย ไม่ควรตอบคำถามที่ไม่รู้ เพราะจะทำให้เด็กเรียนรู้แบบผิด ๆ แต่สามารถบอกเด็กได้ว่าจะไปหาคำตอบมาให้หรือชวนเด็กไปหาคำตอบด้วยกัน
เด็กในวัยนี้เรียนรู้และจดจำคำศัพท์ได้ดี ดังนั้น การเปิดเพลง การอ่านนิทานและคำกลอนจะช่วยให้เด็กเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ ได้ดีอย่างยิ่ง แต่ในการออกเสียงอาจยังออกเสียงไม่ชัดมาก เวลาที่พูดคุยสื่อสารกับเด็กควรพูดให้ชัดที่สุดและไม่ควรเลียนเสียงเด็ก เพราะจะทำให้เด็กจดจำเสียงในรูปแบบนัั้นต่อไป อีกทั้งไม่ควรแสดงพฤติกรรมเชิงลบ เช่น หงุดหงิดเมื่อเด็กถามเยอะ ใช้คำว่าน่ารำคาญหรือบอกให้เด็กหยุดพูด เพราะอาจส่งผลให้เด็กไม่กล้าพูดอีกต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้พัฒนาการการพูดของเด็กล่าช้าได้
เด็กในช่วงวัยนี้เริ่มเรียนรู้ที่จะเข้าสังคมมากขึ้น เริ่มอยากเล่นกับเพื่อน ๆ แต่ในการเล่นกับเพื่อนนั้นก็ยังมีตนเองเป็นศูนย์กลาง เพราะยังไม่เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นมากเท่าไหร่ จึงมักจะมีการทะเลาะเบาะแว้งและมีคดีมาให้คุณครูพิพากษาอยู่บ่อย ๆ ปัจจุบันมีโรคระบาด Covid 19 ทำให้เด็กที่เกิดมาใน 2 - 3 ปีนี้มีโอกาสได้ใช้ทักษะการเข้าสังคมน้อย การเตรียมความพร้อมที่ดีเพื่อให้เด็กสามารถเข้าสังคมได้อย่างไม่ตื่นตระหนก คือ การเล่านิทาน การชวนเด็ก ๆ ไปเล่นร่วมกับผู้อื่นในพื้นที่ที่ไม่แออัดมาก เช่น สวนในหมู่บ้าน เล่นกับญาติพี่น้อง เพื่อให้เด็กรู้จักการอยู่ร่วมกันและเคารพกฎกติกาในสังคม
วัย 2 - 3 ปี เป็นวัยที่เด็กเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากการเรียนรู้โดยใช้ประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว เช่น จับ ดู ฟัง มาเป็นการคิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น มีการลองผิดลองถูก เล่นแบบซับซ้อน สามารถจำแนกสิ่งของและปฏิบัติตามคำสั่งง่าย ๆ ได้ มีทักษะในการช่วยเหลือตนเองมากขึ้น เช่น ดื่มน้ำ ติดกระดุม ใส่เสื้อ ใส่รองเท้า การรับประทานอาหาร ซึ่งอาจมีบางครั้งที่เด็กงอแงเมื่อคุณพ่อคุณแม่ทำให้ ดังนั้น แม้จะต้องใช้เวลาหน่อยก็ควรปล่อยให้เด็กได้ทำด้วยตนเองค่ะ
นอกจากนี้ การส่งเสริมพัฒนาการการคิดและการเรียนรู้ของเด็กในวัยนี้สามารถทำได้โดยชวนเด็กทำกิจกรรมวิทยาศาสตร์แบบง่าย ๆ เล่นของเล่นเสริมพัฒนาการ หรืออ่านนิทานที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัย นิทานที่ใช้ทักษะการสังเกต โดยดึงเด็กเข้ามาให้มีส่วนร่วมในนิทานด้วย
เมื่อเข้าใจพัฒนาการของเด็กในช่วงวัยนี้แล้ว ก็จะทำให้สามารถส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้ตรงจุดยิ่งขึ้น และสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมพัฒนาการของเด็กรอบด้านได้ดีนั่นก็คือ "นิทาน" นั่นเอง มาดูกันต่อค่ะว่านิทานที่เหมาะสมกับเด็กในช่วงวัยนี้มีวิธีการเลือกอย่างไรบ้างค่ะ
เด็กในวัยนี้อยู่ในช่วงวัยที่พัฒนาการทุกด้านกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด เนื้อหาของนิทานจึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะเสริมพัฒนาการเด็กในทุก ๆ ด้าน ในภาพรวมแล้วนั้นควรเลือกนิทานที่มีเนื้อหาไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เป็นเรื่องราวใกล้ตัวเด็ก
สำหรับวัย 2 - 3 ขวบ เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ จากการเลียนแบบเสียงที่ได้ยิน หรือจากการพูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งเด็ก ๆ สามารถเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ได้มากกว่า 50 คำ และยังเข้าใจประโยคสั้น ๆ รวมไปถึงการพูดเป็นประโยคได้ 3 - 5คำ ดังนั้นนิทานที่ส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาของเด็กในช่วงวัยนี้ได้ดี คือ นิทานที่มีคำซ้ำเยอะ ๆ นิทานคำกลอน หรือนิทานภาพที่มีคำบรรยายไม่มากนัก เพราะจะทำให้เด็กจดจำคำศัพท์ได้ดีและเข้าใจความหมายจากการมองภาพ อีกทั้งเด็กจะเรียนรู้ภาษาได้ดีจากการฟังซ้ำ คุณพ่อคุณแม่จึงอาจเพิ่มท่าทาง หรือน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความหมายของคำนั้น ๆ เพื่อทำให้เด็กเข้าใจความหมายของคำซึ่งจะทำให้เด็กใช้ภาษาอย่างถูกต้องค่ะ
เด็กในวัยนี้เริ่มอยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างมากขึ้น แต่ก็ยังยึดตนเองเป็นศูนย์กลางและเป็นวัยที่กำลังเริ่มต้นการไปโรงเรียน นิทานจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้เด็กเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ และเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายมากขึ้น ดังนั้นนิทานที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมของเด็กได้ดีควรมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเล่นกับเพื่อน การแบ่งของเล่น การไปโรงเรียน การจัดการอารมณ์ เป็นต้น เพื่อให้เด็กเรียนรู้วิธีการเข้าหาผู้อื่น การปรับตัวเมื่อต้องอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น และทำให้เด็กเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องเจอผ่านนิทานก่อนที่จะได้ลงสนามจริง ตัวอย่างนิทานเช่น พระจันทร์อยากมีเพื่อน ความลับของอลัน จระเข้น้อยไปโรงเรียน เพื่อนรักในป่าใหญ่ ช้างน้อยขี้โมโห เป็นต้น
วัย 2 - 3 ขวบ เป็นวัยที่มีพัฒนาการด้านความคิดและสติปัญญามากขึ้น สามารถคิดแก้ปัญหาและลองผิดลองถูกในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนได้ นิทานที่เสริมสร้างทักษะการคิดแก้ปัญหาควรเป็นนิทานที่มีสถานการณ์ที่ชวนเด็กตั้งคำถามและเปิดโอกาสให้เด็กลองใช้จิตนาการร่วมไปกับตัวละคร เช่น สี่เกลอพิสดาร อู่รสคุณกัส รถติดอะไรกันนะ ต่อทางรถไฟ แตะต้นไม้วิเศษ เป็นต้น สิ่งสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการคิดให้เด็กนั้นก็คือ การชวนเด็กพูดคุยขณะเล่าหรือหลังเล่านิทาน
ตัวอย่างเช่น ถ้าเด็กเป็นตัวละครตัวนี้เด็กจะทำอย่างไรและเพราะอะไร เด็กเห็นด้วยกับวิธีแบบนี้ไหมและเพราะอะไร มีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ไหม เป็นต้น หรืออาจจะเลือกเป็นนิทานภาพที่ชวนเด็กคิดหาคำตอบจากการทายภาพปริศนา เช่น มองใกล้มองไกลนี่ใครกันนะ, รู้ไหม ใครหายไปนะ, ทายซิฉันคือใคร, ทายซินี่หูของใคร, Dear zoo เป็นต้น ซึ่งหนังสือภาพเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้เด็กได้คิดและสังเกต รวมทั้งยังมีภาพและสีสันที่ดึงดูดเด็กได้ดีอีกด้วย
ถ้าเด็กกำลังเบื่อนิทานเล่มเดิมหรือมีท่าทีว่าจะไม่ชอบนิทานที่มีอยู่เลย ขอแนะนำให้ลองหานิทานที่มีลูกเล่นพิเศษอาจช่วยได้ เช่น นิทานเสียง นิทานแบบ Pop - Up เป็นต้น ซึ่งนิทานเสียงนี้จะเป็นนิทานที่มีปุ่มกดแล้วมีเสียงออกมา สำหรับเด็กในวัยนี้แล้วการมีเสียงออกจากนิทานเป็นเรื่องที่เด็กชอบและตื่นเต้นมาก เช่น บรื๊น บรื๊น รถดับเพลิงมาแล้ว, กุ๊ก กุ๊ก มอ พวกเราหิวแล้ว เพราะนอกจากจะทำให้ตื่นเต้นแล้วยังทำให้เด็กเรียนรู้เสียงต่าง ๆ ในธรรมชาติและเสียงในชีวิตประจำวันด้วย
ส่วนนิทาน Pop - up จะเป็นนิทานที่เปิดแล้วจะเป็นภาพ 3 มิติออกมา บางเล่มจะสามารถขยับเขยื้อนเลื่อนไปมาได้ ซึ่งทำให้ตัวละครในนิทานมีชีวิตชีวาและมีความหมายกับตัวเด็กมากขึ้น ตัวอย่างนิทาน เช่น นกฮูกไม่เคยบิน ร่างกายของเรา, Fun on the farm เป็นต้น สำหรับข้อควรระวังเป็นพิเศษในการเลือกนิทาน Pop - up ก็คือ เนื่องจากในวัยนี้เป็นช่วงวัยที่กำลังทดสอบพลังกล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ ดังนั้นควรแนะนำวิธีการใช้หนังสือเพื่อที่จะลดการชำรุดของหนังสือให้ได้มากที่สุด
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | ราคา | คะแนน | รายละเอียด | |||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ประเภทนิทาน | สำนักพิมพ์ | เดือนปีที่พิมพ์ | จำนวนหน้า | รูปแบบ | ||||||
1 | รัตนา คชนาท บ้านนี้มีเด็กขี้โมโห | 79 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | เรื่องราวสร้างสรรค์ที่จะช่วยเรียนรู้วิธีที่พลิกอารมณ์โกรธสู่อารมณ์ดี | พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ | ห้องเรียน | 3/2010 | 36 หน้า | ปกอ่อน | ||
2 | สองขา ป๋องแป๋ง ชุดวัยเยาว์ (4 เล่ม) | 303 บาท ราคาค่อนข้างสูง | นิทานสอนเด็กให้รู้จักทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ผ่านตัวละครเด็กชาย | พัฒนาการด้านการคิดและการเรียนรู้ | พาส แอท คิดส์ | ไม่ระบุ | 24 หน้า | ปกอ่อน | ||
3 | มนฤดี ทองกลอย, จุฬา บิลอับดุลล่าห์ กุ๋งกิ๋งไปโรงเรียน | 125 บาท ราคาปานกลาง | ปลูกฝังลูกให้อยากไปโรงเรียนผ่านตัวละครสดใส มีคำศัพท์ท้ายเล่ม | พัฒนาการด้านการคิดและการเรียนรู้ | Happy Kids | 10/2017 | 32 หน้า | ปกอ่อน | ||
4 | รัตนา คชนาท กรุ๊งกริ๊ง หนีเร็ว | 290 บาท ราคาค่อนข้างสูง | พัฒนาทักษะจินตนาการด้วยภาพสร้างสรรค์มีลูกเล่นพิเศษอยู่ในเล่ม | พัฒนาการทางด้านร่างกาย | ห้องเรียน | ไม่ระบุ | 28 หน้า | ปกแข็ง | ||
5 | รัตนา คชนาท ห่านเอ็ดตะโร อยากได้อยากได้ | 95 บาท ราคาปานกลาง | เนื้อเรื่องสะท้อนสอนเด็กที่ชอบร้องเอาแต่ใจ ผ่านเหล่าห่านเสียงดัง | พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ | ห้องเรียน | 12/2012 | 32 หน้า | ปกอ่อน | ||
6 | ชนาภัทร พรายมี กระต่ายกับเต่า Big Book (Talking Pen) | 118 บาท ราคาปานกลาง | นิทานสุดคลาสสิคที่ผ่านมาหลายยุค ภาพสวย ใช้สำหรับฝึกภาษาได้ | พัฒนาการทางด้านภาษา | เอ็มไอเอส | ไม่ระบุ | 10 หน้า | ปกอ่อน | ||
7 | ชนาภัทร พรายมี,ประไพ ภูงามเชิง The Three Little Pigs ลูกหมู 3 ตัว | 56 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | ปลูกฝังคำสอนผ่านเรื่องสุดคลาสสิค พัฒนาทักษะด้านภาษาอังกฤษ | พัฒนาการทางด้านภาษา | เอ็มไอเอส | ไม่ระบุ | 36 หน้า | ปกอ่อน | ||
8 | บุณยวีร์ เซ่งไพเราะห์ วันที่วาฬหายไป | 144 บาท ราคาปานกลาง | รวมนิทาน 9 เรื่อง ที่พาไปรู้จักความอบอุ่นแฝงแง่คิด ภาพในเล่มสวย | พัฒนาการทางด้านสังคม | ห้องเรียน | 12/2022 | 72 หน้า | ปกอ่อน | ||
9 | ทีมวิชาการ Life Balance หนูดีเอาแต่ใจ | 46 บาท ราคาต่ำ | เสริมสร้างนิสียดี ๆ ให้หนูน้อยฝึกควบคุมสติมีเหตุผล และรักการอ่าน | พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ | Life Balance | ไม่ระบุ | - | ปกอ่อน | ||
10 | ขวัญชนก คงสิริ ทายซิฉันคือใคร | 299 บาท ราคาค่อนข้างสูง | เรื่องราวที่จะสอนเด็กให้สนุกไปกับการรู้จักอาชีพต่าง ๆ ภายในเล่ม | พัฒนาการทางด้านภาษา | เวิร์ดเพลย์ คอมมิวนิเคชั่น | 6/2015 | 12 หน้า | ปกอ่อน |
สำหรับนิทานเรื่อง 'บ้านนี้มีเด็กขี้โมโห' เป็นหนังสือที่จะพาคุณพ่อคุณแม่สอนให้ลูก ๆ ได้รู้จักการระงับความโกรธ ความเอาแต่ใจ และแสดงให้เห็นว่าการอารมณ์ดีนั้นมันทำให้มีความสุขขนาดไหน ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านความคิดและอุปนิสัยอันดี ผ่านการเล่าเรื่องด้วยภาพแบบสร้างสรรค์ที่เข้าใจได้ง่าย ชัดเจน เห็นถึงความแตกต่างของความโกรธและความอารมณ์ดีของตัวละครภายในเรื่อง
โดยเรื่องทั้งหมดจะเล่าถึงครอบครัวของน้องมะตูมที่พยายามจะช่วยปรับพฤติกรรมของน้องผ่านวิธีการต่าง ๆ เช่น การมอบความรัก ความเมตตา การให้อภัย การให้โอกาส ฯลฯ ที่นอกเหนือจากการนำเอาความโกรธมาใช้ ภาพวาดที่นักเขียนถ่ายทอดมาจะแสดงให้เห็นถึงการสะท้อนอารมณ์ของตัวละคร แถมยังมีเทคนิคสอนระงับความโกรธที่สามารถใช้งานได้จริง เช่น ลองนับ 1-10 เวลาโกรธดูเพื่อให้อารมณ์เย็นลง เป็นต้นค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ |
---|---|
สำนักพิมพ์ | ห้องเรียน |
เดือนปีที่พิมพ์ | 3/2010 |
จำนวนหน้า | 36 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
การปลูกฝังนิสัยให้ลูก ๆ ควรเริ่มทำตั้งแต่ตอนอายุยังน้อย ซึ่งนิทานเล่มนี้เป็นนิทานชุด 4 เล่ม ที่จะช่วยทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้การใช้ชีวิตประจำวันแบบพื้นฐานได้ด้วยตัวเอง เป็นเรื่องใกล้ตัวที่หากสอนลูกได้ไว เด็ก ๆ ก็จะมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น สนุกสนานไปกับเรื่องราวของป๋องแป๋ง เด็กชายเจ้าปัญหาที่จะพาดำเนินเนื้อเรื่องจนจบทั้ง 4 เล่ม เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยเรียน
โดยทั้ง 4 เล่ม จะสอนทักษะในชีวิตประจำวันที่แตกต่างกัน เช่น ป๋องแป๋งแปรงฟันเป็นเรื่องราวของน้องป๋องแป๋งที่ไม่ชอบการแปรงฟันเลย มันมีหลายขั้นตอนและมันก็ยาก แต่หนังสือจะค่อย ๆ ทำให้ป๋องแป๋งเข้าใจว่าเพราะอะไรป๋องแป๋งถึงจำเป็นต้องทำสิ่งสิ่งนี้ รวมไปถึงเรื่องป๋องแป๋งไม่อยากกิน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่หลายคนมักเจอเป็นประจำ ลองพามารู้จักกับป๋องแป๋งกันดูนะคะ ภาพน่ารัก ๆ และเนื้อหาสนุก ๆ อาจช่วยได้
ประเภทนิทาน | พัฒนาการด้านการคิดและการเรียนรู้ |
---|---|
สำนักพิมพ์ | พาส แอท คิดส์ |
เดือนปีที่พิมพ์ | ไม่ระบุ |
จำนวนหน้า | 24 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
หนังสือชุดน้องกุ๋งกิ๋งเล่มนี้เป็นเรื่องราวที่จะชวนน้อง ๆ ให้อยากไปโรงเรียนแล้วเปลี่ยนมุมมองสำหรับเด็กที่ไม่ชอบการไปโรงเรียน ให้รู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้มีกิจกรรมที่แสนสนุก เนื้อหาภายในพัฒนาทักษะทางด้านความคิดที่มีเหตุผลมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงได้ฝึกฝนทักษะภาษาอังกฤษเพราะเป็นหนังสือนิทานแบบสองภาษา คำศัพท์ระดับพื้นฐานง่าย ๆ ที่หากสอนอย่างต่อเนื่องจะช่วยทำให้ลูก ๆ จดจำและนำไปใช้ได้จริง
โดยเนื้อหาภายในนิทานเรื่องนี้ค่อนข้างเรียบง่าย เล่าเหตุผลว่าทำไมน้องกุ๋งกิ๋งถึงชื่นชอบการไปโรงเรียน ซึ่งตัวละครตัวนี้จะกลายมาเป็นแบบอย่างที่ดีของเด็ก ๆ ผู้เขียนพยายามถ่ายทอดกิจกรรมที่แสนสนุกว่าหากไปโรงเรียนแล้วจะได้วาดรูป เจอเพื่อน ๆ เต้นรำ ฯลฯ ที่ถ้าหากไม่ไปโรงเรียนก็จะไม่ได้ทำ ออกแบบให้เนื้อหาภาษาอังกฤษอยู่ด้านหลังเล่มไม่ใช่การอ่านควบคู่เพราะต้องการให้ได้รับความสนุกก่อนการเรียนรู้เป็นเทคนิคดึงดูดความสนใจเด็กค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการด้านการคิดและการเรียนรู้ |
---|---|
สำนักพิมพ์ | Happy Kids |
เดือนปีที่พิมพ์ | 10/2017 |
จำนวนหน้า | 32 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
หนังสือเล่มนี้ถือเป็นอีกหนึ่งหนังสือนิทานที่มีลูกเล่นหลากหลาย เหมาะกับนำมาใช้ทำเป็นสื่อกิจกรรมสอนลูกในยามว่างได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปภาพสร้างสรรค์ที่มีความน่ารักและแฝงไปด้วยข้อคิด เนื้อเรื่องเข้าใจง่ายโดยจะกล่าวถึงเหล่าฝูงหนูตัวน้อยที่พยายามหลบแมวโดยใช้กระดิ่งที่พวกมันเอาไปติดเอาไว้ ช่วยฝึกทักษะในการคิดวิเคราะห์คาดเดาให้แก่เด็ก ๆ รวมไปถึงฝึกการตั้งสติที่ดีได้ด้วย
โดยภายในเล่มนี้จะพูดถึงฝูงแมวที่ออกอุบายใช้กระพรวนมาติดที่ปลอกคอของแมวเพื่อคอยฟังเสียงว่าแมวตัวนี้จะออกมาตอนไหน ซึ่งในหนังสือจะแถมกระดิ่งให้ผู้เล่าคอยสั่นเป็นเสียงสร้างความสนุกสนานในแต่ละตอน ซึ่งภายในเนื้อเรื่องแต่ละหน้า เสียงกระดิ่งที่ดังออกมามันอาจไม่ใช่แมวก็ได้ เด็ก ๆ จึงต้องคอยตั้งสมาธิและคิดให้ดีว่ามันคือเสียงของอะไร จนกระทั่งฉากสุดท้ายที่มี Pop Up เซอร์ไพรส์น่ารัก ๆ ให้ทุกคนตกใจค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านร่างกาย |
---|---|
สำนักพิมพ์ | ห้องเรียน |
เดือนปีที่พิมพ์ | ไม่ระบุ |
จำนวนหน้า | 28 หน้า |
รูปแบบ | ปกแข็ง |
เสริมสร้างพัฒนาการให้เด็ก ๆ วัย 3-5 ปี ด้วยเรื่องราวของเด็กที่ถูกฝูงห่านเอ็ดตะโรเดินตามหลัง โดยนิทานเล่มนี้เป็นอีกหนึ่งนิทานที่แฝงแง่คิดดี ๆ ในการพัฒนา EF ให้แก่เด็กได้ อีกทั้งช่วยปลูกฝังนิสัยอันดี รู้จักการควบคุมอารมณ์ของตัวเองและการอดกลั้นในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ ผ่านบทเรียนที่ตัวละครภายในเนื้อเรื่องต้องเผชิญ ภาพประกอบเป็นสไตล์สีน้ำสวยน่าอ่าน
ซึ่งเรื่องราวของเล่มนี้จะพูดถึงเด็กชายตัวน้อยชื่อ ตูมตาม ซึ่งเด็กคนนี้เป็นเด็กชายที่มีความอยากได้ไม่รู้จบ เขาอยากได้นู่นอยากได้นี่ไปหมดไม่ว่าจะเป็นของเล่นชิ้นใหม่ หุ่นยนต์ รถบังคับ ฯลฯ และทุกครั้งที่เขาไม่ได้รับสิ่งที่เขาต้องการ เขาก็จะโวยวายอยู่แบบนั้นจนกว่าเขาจะได้ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องมาเผชิญกับฝูงห่านฝูงหนึ่งที่คอยตามเขาตลอดเวลา แถมมันยังส่งเสียงร้องหนวกหูจนทำให้เขาเข้าใจว่า นิสัยของเขามันเป็นนิสัยที่ต้องแก้ไข
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ |
---|---|
สำนักพิมพ์ | ห้องเรียน |
เดือนปีที่พิมพ์ | 12/2012 |
จำนวนหน้า | 32 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
'กระต่ายกับเต่า' เป็นนิทานสำหรับเด็กที่อยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงเรื่องราวของโลกแห่งสัตว์ที่มีตัวเอกเป็นเต่าและกระต่าย ซึ่งทั้งสองต่างก็ได้ตกลงกันเพื่อที่จะแข็งขันวิ่งแข่งหาผู้ชนะ เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนเด็กเข้าใจได้ง่าย อีกทั้งภาพวาดประกอบยังมีความน่ารักดึงดูดความสนใจของเด็ก ๆ ให้เพลิดเพลินไปกับเนื้อเรื่องได้ง่าย แถมยังมีข้อคิดดี ๆ ช่วยสอนให้ลูก ๆ รู้จักถึงคำว่าพยายามด้วย
นอกจากนี้หนังสือถูกออกแบบให้ใช้งานได้กับ MIS Talking Pen หรือปากกาพูดได้ ที่จะช่วยเล่าเรื่องราวนิทานภายในหนังสืออัตโนมัติให้เด็ก ๆ ได้ฟัง แม้จะเป็นเรื่องราวที่ถูกแต่งมาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ก็ได้มีการปรับปรุงเนื้อหาและภาพวาดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถอ่านเพื่อเป็นหนังสือก่อนนอนหรืออ่านในระหว่างวันให้เด็ก ๆ ถูกปลูกฝังนิสัยรักการอ่านตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ได้ค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านภาษา |
---|---|
สำนักพิมพ์ | เอ็มไอเอส |
เดือนปีที่พิมพ์ | ไม่ระบุ |
จำนวนหน้า | 10 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
หนังสือนิทานสำหรับเด็ก 2-3 ขวบ เล่มนี้เป็นหนังสือที่ปลอดสารพิษ ผลิตขึ้นมาจากวัสดุธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก ที่สำคัญคือบอกเล่าเรื่องราวสุดคลาสสิคที่ทุกคนในวัยเด็กรู้จักกันดีก็คือลูกหมูทั้ง 3 ตัว สามารถใช้งานคู่กับปากกา MIS Talking Pen ซึ่งทำให้มีการออกเสียงได้ เป็นหนังสือสองภาษาที่ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี คำศัพท์ง่ายระดับพื้นฐาน เด็ก ๆ เข้าใจไม่ยากค่ะ
โดยเรื่องราวของลูกหมู 3 ตัว จะเล่าถึงตัวละครหลักคือลูกหมูพี่น้อง 3 ตัว ที่ออกมาจากบ้านเก่าเพื่อแยกย้ายกันทำบ้านเป็นของตัวเอง โดยพี่หมูตัวแรกและพี่หมูตัวที่สองต่างสร้างบ้านเสร็จก่อนน้องหมูเพราะพวกเขาใช้เพียงฟางกับไม้เป็นวัสดุในการสร้างด้วยความขี้เกียจ ขณะน้องคนเล็กต้องการมีบ้านที่แข็งแรงจึงค่อย ๆ ก่ออิฐขึ้นมาทีละชั้น เป็นเรื่องราวแสนสนุกที่ฝากข้อคิดดี ๆ ทำให้เด็ก ๆ รู้ว่าความเพียรพยายามจะช่วยทำให้คนเราสบายขึ้นค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านภาษา |
---|---|
สำนักพิมพ์ | เอ็มไอเอส |
เดือนปีที่พิมพ์ | ไม่ระบุ |
จำนวนหน้า | 36 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
'วันที่วาฬหายไป' เป็นหนังสือนิทานที่ช่วยพัฒนาทักษะทางด้านสมองหรือ EF ด้วยการนำเรื่องเล่าถึง 9 เรื่องมารวมไว้ภายในเล่มเดียว ใช้ภาพประกอบโทนสีอบอุ่นเพื่อเพิ่มอารมณ์ร่วมให้แก่เด็ก ๆ โดยผู้เขียนพยายามถ่ายทอดความอบอุ่นของตัวละครออกมาได้ดี เนื้อเรื่องมีปมปัญหาให้เด็กได้ขบคิดเล็กน้อย อีกทั้งบางเรื่องยังช่วยเพิ่มพัฒนาการด้านความคิดโดยเฉพาะเด็กอายุ 3 ปี ขึ้นไป
ซึ่งเรื่องราวทั้ง 9 ต่างก็มีตัวละครหลักที่แตกต่างกันออกไป เช่น วันที่วาฬหายไปเป็นเรื่องราวของเด็กหญิงช่างฝันกับวาฬตัวใหญ่, เจ้าแมวถุงเท้าเหลืองที่เดินทางไปพบถุงเท้าอีกคู่ที่ทำให้มันอบอุ่นหัวใจ หรือหมาป่าผู้ดื่มด่ำความกลัวที่เผชิญกับเด็กหญิงที่ไม่กลัวมันแม้แต่น้อย เป็นต้น แต่ละเรื่องแฝงแง่คิดเอาไว้แบบไม่ยัดเยียด ที่สำคัญคือมันสามารถสร้างพลังบวกให้แก่เด็ก ๆ ที่อาจยังไม่มีความมั่นใจในตัวเองได้ค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านสังคม |
---|---|
สำนักพิมพ์ | ห้องเรียน |
เดือนปีที่พิมพ์ | 12/2022 |
จำนวนหน้า | 72 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
นิทานเล่มนี้เป็นหนังสือ Bestseller ที่ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ปกครองจำนวนมาก เพราะด้วยเนื้อหาที่เรียบง่าย ภาพวาดน่ารัก รวมไปถึงเนื้อหาภายในที่ช่วยพัฒนานิสัยให้แก่เด็กโดยเฉพาะนิสัยเอาแต่ใจให้รู้จักการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น รวมไปถึงพัฒนาทักษะ EQ, IQ, TQ, AQ, CQ, HQ, PQ, และ EF ครบถ้วนจากการดำเนินเรื่องที่ต้องผ่านการคิด วิเคราะห์ และจินตนาการจากการนึกตามตัวละคร
โดยเรื่องราวของนิทานเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องของเด็กหญิงหนูดีที่มีนิสัยเอาแต่ใจ มีอารมณ์รุนแรงชอบดุเพื่อน ๆ หรือคนรอบข้างเมื่อไม่ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ซึ่งทางผู้เขียนพยายามถ่ายทอดอารมณ์ของหนูดีให้สมจริงที่สุด แล้วค่อย ๆ ปล่อยเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่หนูดีต้องเริ่มเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองในสถานการณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงบอกเหตุผลว่าทำไมนิสัยเอาแต่ใจถึงเป็นสิ่งไม่ดี เพื่อให้เด็ก ๆ ที่อ่านเนื้อเรื่อง เข้าใจแล้วลองคิดริเริ่มทำตามหนูดีค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ |
---|---|
สำนักพิมพ์ | Life Balance |
เดือนปีที่พิมพ์ | ไม่ระบุ |
จำนวนหน้า | - |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
หนังสือเล่มนี้อาจไม่ใช่หนังสือประเภทนิทานโดยตรง แต่ก็ถือเป็นหนังสือภาพที่มีลูกเล่นน่าสนใจ โดยผู้เขียนพยายามถ่ายทอดอาชีพต่าง ๆ ในรูปแบบการ์ตูนหน้ากาก ซึ่งทำให้เป็นหนังสือที่นำมาใช้เป็นกิจกรรมยามว่างให้กับลูกได้ แต่ละหน้าจะมีหน้ากากของอาชีพเปิดออกมาให้น้อง ๆ ทายกันแล้วนำมาสวมเพื่อหยอกล้อเล่นกันได้ด้วย เพิ่มความเข้าใจในด้านอาชีพที่เด็ก ๆ อาจได้เจอเมื่อออกไปรั้วนอกบ้าน
นอกจากภาพวาดที่นำมาเป็นหน้ากากได้แล้ว ทางผู้เขียนยังอธิบายรายละเอียดหน้าที่ของอาชีพแบบสั้นได้ใจความเอาไว้ และยังมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ฝึกฝนทายคำศัพท์กันด้วย เพิ่มความเพลิดเพลินให้เด็กตั้งแต่อายุ 0-6 ปีได้ดี อีกทั้งยังสามารถปลูกฝังภาษาอังกฤษในทางอ้อมขณะเล่น ที่สำคัญคือยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีให้กับคนในครอบครัวนั่นเองค่ะ
ประเภทนิทาน | พัฒนาการทางด้านภาษา |
---|---|
สำนักพิมพ์ | เวิร์ดเพลย์ คอมมิวนิเคชั่น |
เดือนปีที่พิมพ์ | 6/2015 |
จำนวนหน้า | 12 หน้า |
รูปแบบ | ปกอ่อน |
บทความนี้เป็นเพียงแนวทางในการเลือกนิทานให้เหมาะสมกับช่วงวัย สิ่งสำคัญที่สุด คือ การสังเกตพฤติกรรมความชอบและความสนใจของเด็ก เพื่อที่จะได้เสริมสร้างพัฒนาการต่างๆให้เด็กอย่างตรงจุด เพราะเด็กทุกคนมีพัฒนาการ ความชอบ และความสนใจที่แตกต่างกันค่ะ หากมีโอกาสก็ชวนเด็กๆไปเลือกซื้อนิทาน เพื่อให้นิทานมีความหมายกับตัวเด็กมากขึ้นค่ะ และที่สำคัญควรอ่านนิทาน หรือใช้เวลากับนิทานทุกวัน เพราะนอกจากจะสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณพ่อคุณแม่และลูกแล้ว ยังสร้างสุขนิสัยที่ดีในการอ่าน และเสริมสร้างพัฒนาการรอบด้านที่ดีให้กับเด็กค่ะ
อันดับที่ 1: รัตนา คชนาท|บ้านนี้มีเด็กขี้โมโห
อันดับที่ 2: สองขา|ป๋องแป๋ง ชุดวัยเยาว์ (4 เล่ม)
อันดับที่ 3: มนฤดี ทองกลอย, จุฬา บิลอับดุลล่าห์|กุ๋งกิ๋งไปโรงเรียน
อันดับที่ 4: รัตนา คชนาท|กรุ๊งกริ๊ง หนีเร็ว
อันดับที่ 5: รัตนา คชนาท|ห่านเอ็ดตะโร อยากได้อยากได้
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ