20 อันดับ ซีรีส์วาย แนะนำ เรื่องไหนสนุก ฉบับล่าสุดปี 2021 พล็อตน่ารัก ฟินจิกหมอน นักแสดงสุดปัง

เติร์ด (อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์) เด็กนิเทศศาสตร์ปี 3 ที่แอบหลงรักเพื่อนสนิทอย่าง ค่าย (จุมพล อดุลกิตติพร) มาตลอดสองปีกว่าโดยที่ค่ายนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเอะใจมาก่อนเลย จนทำให้บางครั้งค่ายเองก็เผลอทำร้ายจิตใจเติร์ดไปโดยไม่ตั้งใจ จนเติร์ดรู้สึกอยากตีตัวออกห่างเพราะอยากทำใจ แต่พอเป็นแบบนั้นมันก็ทำให้ค่ายรู้สึกโหวงใจขึ้นมาเมื่อเพื่อนสนิทตัวเองหายไป สุดท้ายแล้วเมื่อค่ายกลับมานั่งทบทวน เขาก็พบว่าตัวเองก็ชอบเติร์ดเหมือนกัน จึงตัดสินใจจะเป็นฝ่ายเริ่มเดินหน้าจีบเติร์ดเอง !

เป็นเรื่องราววุ่น ๆ ของเพื่อนสนิทสองคนที่คนหนึ่งรู้ใจตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่รู้ตัว หลายคนอาจจะมองว่าเป็นพล็อตที่ไม่ได้แปลกใหม่ แต่ด้วยการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน ประกอบกับเหล่าแก๊งเพื่อนจึงทำให้เรื่องนี้ดูมีสีสันขึ้นมา เป็นอีกเรื่องที่สามารถเปิดไปดูได้เพลิน ๆ ยามว่าง เพราะไม่ค่อยมีดราม่าอะไรมากมายค่ะ

เมื่อวาโย (สุรเดช พินิวัตร์) สอบเข้ามหาวิทยาลัยติดที่เดียวกันกับ พี่ป่า (อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์) รุ่นพี่ที่เขาแอบชอบมาตั้งสมัยมัธยม บวกกับเขาเองก็ที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เข้าประกวดเดือนคณะสำหรับปีนี้ ในขณะที่พี่หมอป่าที่มีดีกรีเป็นถึงเดือนคณะปีที่แล้วก็ได้รับการไหว้วานจากทางกองประกวดให้มาดูแลการซ้อมประกวด ทั้งสองคนจึงมีโอกาสได้ทำความรู้จักจนสนิทกันมากกว่าที่เคย

ในส่วนของการดำเนินเรื่องถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในระดับมาตรฐาน เน้นการเล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา แต่ก็เผยให้เห็นเสน่ห์ที่น่ารักของเหล่านักแสดงได้ไม่ยาก ทั้งตัวละครหลักและแก๊งผองเพื่อน แม้จะมีอุปสรรคเข้ามาทำให้ติดขัดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะสำหรับดูในวันหยุดแบบสบาย ๆ เลยล่ะค่ะ 

เป็นความรักที่เกิดขึ้นเมื่อนักกีฬาวิ่งสองคนมาเจอกันระหว่าง ซังฮา (อีเซจิน) นักวิ่งระยะสั้นผู้ร่าเริงสดใสมองโลกในแง่ดีและมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ กับ จินวอน (ชอนซึงโฮ) นักวิ่งระยะไกลมาราธอน​ที่ค่อนข้างมีความมุ่งมั่น เป็นคนเข้มงวดและเต็มไปด้วยออร่าของความกดดันที่แผ่ซ่านออกมา แต่เมื่อทั้งสองมาเจอกันกลับกลายเป็นข้อดีของแต่ละฝ่ายนั้น คือ ส่วนที่จะเข้ามาเติมเต็มให้กันและกันได้อย่างลงตัว

ซีรีส์วายโดยผู้จัด W-Story ที่เคยฝากฝีมือไว้ในซีรีส์วายเรื่องแรกของเกาหลีอย่าง Where Your Eyes Linger ที่สร้างกระแสทั้งในและต่างประเทศไว้อย่างล้นหลาม จึงไม่แปลกใจที่ทั้งสองเรื่องนี้จะให้กลิ่นอายและ Vibe ที่อบอุ่น ละมุนหัวใจคล้าย ๆ กันอย่างที่ผู้ชมหลาย ๆ คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยค่ะ

ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่มหาวิทยาลัยระหว่าง เหนือ (ณัชพล รัตนมงคล) กับ พอช (กษิดิ์เดช หงส์ลดารมภ์) ซึ่งพอเรียนจบพอชก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่เชียงใหม่กับเหนือที่ต้องกลับมารับช่วงธุรกิจของครอบครัวต่อ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ราบรื่นมากนัก นั่นเป็นเพราะพวกเขายังไม่ได้บอกกับทางครอบครัวว่าแท้จริงแล้ว ทั้งสองเป็นมากกว่าแค่เพื่อน รวมทั้งอุปสรรคและบททดสอบมากมายที่จะเข้ามาทำให้ทั้งสองต้องตัดสินใจว่าจะหยุดไว้แค่นี้ หรือจับมือกันก้าวผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน

เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ซีรีส์วายสายแมส แต่ก็ได้รับการยอมรับอยู่พอสมควรว่า เป็นซีรีส์วายที่สะท้อนให้เห็นถึงความรัก, ความเจ็บปวด, ความผิดหวัง รวมถึงคุณค่าของเวลาได้ดีทีเดียว นอกจากนี้ ทีมเขียนบทยังกล้าที่จะหยิบประเด็นการแต่งงานของคู่รักชาย-ชายมาพูดถึงในแง่มุมที่ค่อนข้างขับเคลื่อนสังคมได้ดีอีกด้วย และแม้จะเป็นซีรีส์ที่มีเพียงแค่ 4 ตอนจบ แต่ก็เต็มไปด้วยคุณภาพเน้น ๆ ไม่มีน้ำเลยค่ะ

นักร้องอิสระที่ร้องเพลง Busking อยู่ข้างถนน อินซู (คังอินซู) ผู้ที่ชื่นชอบและยกให้การร้องเพลงเป็นเสมือนความฝันและโลกทั้งใบของเขา ซึ่งไม่ได้การสนับสนุนจากทางบ้าน แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ตรงที่เพื่อนสนิทของเขา ชเวมินซอง (แพคซอบิน) คอยสนับสนุนและช่วยอัปโหลดคลิป Cover ของอินซูลง YouTube อยู่เสมอ ทำให้ ยุนซังอี (อีซัง) เกิดความสนใจในเสียงร้องของอินซูและได้เสนอกับทางบริษัทให้รับอินซูเข้ามาเป็นศิลปินฝึกหัดในค่าย จากนั้นเรื่องราวความรักที่ไม่น่าเชื่อของคนสองคนจึงเริ่มต้นขึ้น

ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งกับผลงานซีรีส์วายจากผู้สร้างเดียวกันกับเรื่อง Mr.Heart และ Where Your Eyes Linger ที่ฝากผลงานดี ๆ ไว้จนเกิดเป็นโปรเจคที่ 3 ที่จะมาสร้างความอบอุ่นหัวใจและพาทุกคนไปสัมผัสกับบรรยากาศอันอบอวลไปด้วยความโรแมนติกผ่านบทเพลงอันแสนไพเราะ

กู้ไห่ (หวงจิ่งอวี๋) เด็กมัธยมที่กำลังต่อต้านครอบครัวตัวเองด้วยการย้ายออกไปอยู่ข้างนอกและหนีไปโรงเรียนอื่นได้บังเอิญไปเจอเข้ากับ ลั่วอิน (เว่ยสวี่โจว) ซึ่งกู้ไห่เองเกิดรู้สึกประทับใจลั่วอินตั้งแต่แรกพบ เขาจึงพยายามเอาตัวเองไปอยู่ใกล้ ๆ กับลั่วอิน แต่ว่าเรื่องราวกลับไม่ง่ายแบบนั้น เพราะทั้งตัวลั่วอินและตัวกู้ไห่เองก็ยังคงตัดความสัมพันธ์กับแฟนเก่าไม่ขาด พร้อมด้วยอุปสรรคมากมายไม่ว่าจะเป็นทางด้านฐานะหรือนิสัยขั้วตรงข้ามกัน อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปทั้งคู่ก็เริ่มมีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน

เฮโรอีน เป็นชื่อที่เกิดขึ้นจากการนำชื่อลั่วอินและกู้ไห่มาผสมกัน ได้เป็น ไห่ลั่วอิน ที่แปลทับศัพท์ภาษาจีนได้ออกมาเป็น เฮโรอีน นั่นเองค่ะ สำหรับเรื่องนี้ถือเป็นซีรีส์วายที่ดังมาก ๆ จนเหล่านักแสดงมีโอกาสได้มาจัดแฟนมีตติ้งที่เมืองไทยเมื่อหลายปีก่อน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่สาวกซีรีส์วายห้ามพลาดเลยค่ะ

เมื่อข่าวอื้อฉาวของตัวเองเป็นเหตุให้นักแสดงชื่อดังอย่าง คังซอจุน (ซนอูฮยอน) ตกอับและจำเป็นต้องปลีกตัวเองออกมาเพื่อหลบสายตาผู้คนจนได้มาเจอกับ ฮันจีอู (คิมคังมิน) รูมเมทดีกรีเชฟที่ต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะความจำเป็น ด้วยนิสัยที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วจึงทำให้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันในบ้าน ทั้งสองเสมือนเป็นขั้วตรงข้ามของกันและกัน ความสัมพันธ์จึงเริ่มขึ้นด้วยความทุลักทุเลอยู่เล็กน้อย แต่ว่าคังซอจุนกลับพยายามจะตีสนิทเข้าหาอีกฝ่าย จึงเกิดเป็นเรื่องราววุ่นวายและทำให้ทั้งสองเริ่มเกิดความรู้สึกบางอย่างต่อกัน

แม้ทั้งคู่จะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่ก็แสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์มาก ๆ นอกจากนี้ เนื้อเรื่องยังสอดแทรกความคอมเมดี้เอาไว้เล็กน้อย และที่น่าสนใจคือ มี Easter Egg สำหรับแฟน ๆ ที่เคยดูเรื่อง Where Your Eyes Linger ซ่อนไว้ด้วยค่ะ

เป็นซีรีส์ภาคแยกเฉพาะของคู่ พีท (ตะวัน วิหครัตน์) และเก้า (ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ) หลังจากซีรีส์เรื่อง Kiss The Series ออนแอร์จบ โดยจะเป็นการเล่าเรื่องราวความรักในแบบฉบับผู้ใหญ่ที่โตมากขึ้น เมื่อความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองถูก นนท์ (ชยพล จุฑามาศ) นักเรียนที่มาเรียนพิเศษกับเก้าที่พยายามจะเข้ามาคั่นกลางความสัมพันธ์ จนเกิดเรื่องราวมากมายและทำให้พีทเกิดความเข้าใจผิดต่อเก้า ในขณะเดียวกัน ความรักแบบไม่เปิดเผยของเขาสองคนก็เริ่มถูกสงสัยโดยเหล่าผองเพื่อน

เป็นเรื่องราวภาคต่อที่จะเข้ามาขยายให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบคนรักว่าจะมีทิศทาง การเติบโต รวมถึงพัฒนาการของตัวละครในด้านต่าง ๆ อย่างไร เป็นความเข้มข้นสมกับชื่อ Dark Blue Kiss ที่จะทำให้คนดูมาร่วมลุ้นไปกับอุปสรรคเหล่านั้นว่า พวกเขาจะก้าวผ่านมันไปได้หรือไม่

จุดเริ่มต้นของความบังเอิญเกิดขึ้นเมื่อ เอ้ (ธนพนธ์ สุขุมพันธนาสาร) โผล่เข้าไปช่วยเหลือ พีท (ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา) จากการโดนแฟนเก่าขู่กรรโชกทรัพย์แลกกับการปิดปากไม่ให้ไปบอกแม่ของพีทเกี่ยวกับเรื่องที่พีทเป็นเกย์ ซึ่งจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เหล่านั้น ทำให้ในเวลาต่อมาทั้งคู่ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ก็ค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้กันจนเรียกได้ว่า แทบจะเกินคำว่าเพื่อนไปเลย

เป็นซีรีส์วายที่มีทั้งหมด 4 คู่ อย่างจุใจกันเลยทีเดียวค่ะ แต่ถึงแม้จะเป็น 4 คู่ แต่ว่าการดำเนินเรื่องนั้นจะเชื่อมโยงกันหมด การเล่าเรื่องก็ไม่ได้เน้นความหวือหวา แต่จะค่อยเป็นไปค่อยไปและมีความสนุกชวนให้ติดตาม เกิดเป็นกระแสจนทำให้ทีมงานผลิตซีซั่น 2 ออกมาให้ดูกันเลยทีเดียวค่ะ

จากเหตุการณ์โดนตามตื้อในวันนั้นทำให้ ไทน์ (เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร) ต้องรีบหาทางทำให้อีกฝ่ายยอมเลิกราไปให้ได้ ซึ่งเพื่อน ๆ ก็ได้ออกความเห็นว่า ถ้าให้ สารวัตร (วชิรวิชญ์ ชีวอารี) หนุ่มหล่อนักตรีมาแกล้งจีบไทน์ เธอคนนั้นจะได้ยอมเลิกตามตื้อ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ การแกล้งเป็นแฟนแบบเล่น ๆ นั้นก็เหมือนโดนโชคชะตาเล่นตลกเข้าให้ เพราะสุดท้ายแล้วทั้งคู่ดันรู้สึกชอบกันขึ้นมาจริง ๆ 

หากพูดถึงซีรีส์วายก็ต้องมีเรื่องนี้ที่จะถูกพูดถึงอยู่เป็นอันดับต้น ๆ เลยค่ะ เพราะสร้างจากนิยายวายชื่อดังที่ตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีกจากกระแสตอบรับของแฟน ๆ สู่การหยิบมาทำเป็นซีรีส์ และที่โชคดีก็คือ ได้นักแสดงที่ค่อนข้างตรงปกกับนิยาย พาให้ซีรีส์เรื่องนี้มีกระแสดีจนฉุดไม่อยู่ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนที่กระแสของซีรีส์นั้นติดเทรนด์ Topic ใน Weibo อยู่พักหนึ่งระหว่างที่ออนแอร์กันเลยล่ะค่ะ

เมื่อแทจู (ฮันกีชาน) เป็นทายาทของตระกูลกลุ่มธุรกิจครอบครัวขนาดยักษ์ใหญ่ ทำให้พ่อของเขาจ้างบอดี้การ์ดส่วนตัวอย่าง กุก (จางอึยซู) มาคอยดูแลรักษาความปลอดภัย ในขณะเดียวกันมันทำให้สองคนนี้เติบโตมาด้วยกันและกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ว่าแทจูไม่เคยรู้เลยว่า กุกนั้นดันแอบชอบตัวเองอยู่ และแล้วเรื่องราวก็ยิ่งวุ่นวายมากกว่าเดิมเมื่อพ่อของแทจูดันเริ่มระแคะระคายความสัมพันธ์ที่อาจจะเกินเพื่อนของสองคนนี้

แม้จะเป็นพล็อตที่ค่อนข้างเจอได้บ่อย แต่ก็สามารถนำเสนออกมาได้อย่างน่าประทับใจอยู่ไม่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้ ต้องขอชมทีมงานในเรื่องของมุมกล้อง การจัดแสงที่ทำออกมาได้สวยงาม และการแสดงของนักแสดงหลักก็ทำออกมาได้ดี จนแทบไม่อยากเชื่อเลยค่ะว่า เป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของทั้งคู่

การจากลาของใครบางคนได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้กับ เธียร (สหภาพ วงศ์ราษฎร์) ที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจจากทอฝัน (สรัลชนา อภิสมัยมงคล) ที่ประสบอุบัติและเสียชีวิต หลังจากนั้นมันก็ทำให้เธียรรู้สึกขอบคุณและอยากตอบแทนด้วยการทำให้คำอธิษฐานของทอฝันเป็นจริง เขาจึงได้สมัครไปเป็นครูอาสาที่หมู่บ้านผาปันดาว ซึ่งเมื่อถึงที่นั่นเขาก็พบกับ ภูผา (พิรพัฒน์ วัฒนเศรษสิริ) เจ้าหน้าที่อุทยานฯ หัวหน้าหน่วยที่ดูแลหมู่บ้านผาปันดาว และด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่ทั้งคู่มักจะต้องเจอหน้ากันบ่อย ๆ จึงทำให้ทั้งสองเริ่มเกิดความรู้สึกดี ๆ ต่อกัน

แม้ซีรีส์เรื่องนี้จะเพิ่งออนแอร์ได้ไม่นาน แต่ด้วยพล็อตเรื่องที่น่าสนใจและยังสร้างมาจากนิยายวายชื่อดัง ก็ทำให้นิทานพันดาวนั้นได้กระแสตอบรับอย่างล้มหลามจากทั้งแฟนไทยและแฟนต่างชาติ แถมหลายคนยังตั้งตารอคอยกันมาร่วมหลายเดือนนับตั้งแต่ปล่อย Trailer เลยทีเดียว และหลังจากออนแอร์อีพีแรกไป ทุกคนต่างก็ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ไม่ทำให้ผิดหวังสำหรับคนที่รอจริง ๆ ค่ะ

ว่ากันว่าด้ายแดงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของคำมั่นสัญญาที่จะนำพาให้คนสองคนกลับมาเจอกัน และในครั้งนี้ก็เช่นกันเมื่อ ภาม (ณธัช ศิริพงษ์ธร) และดีน (ฐิติวัฒน์ ฤทธิ์ประเสริฐ) มักจะฝันถึงเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาและความรู้สึกคิดถึงโหยหาใครสักคนที่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าใคร จนอยู่มาวันหนึ่งทั้งสองบังเอิญมาเจอกัน และการเจอกันในครั้งนั้นก็ทำให้ทั้งสองเกิดความโหยหาบางอย่างต่อกัน นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งคู่สานต่อความสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว 

แต่เรื่องราวกลับไม่ได้จบลงแค่นั้น เมื่อดีนและภามค่อย ๆ ค้นพบความจริงที่อาจจะเชื่อมโยงเกี่ยวกับอดีตของทั้งคู่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตาทั้งหมดนี้ ซึ่งขอบอกไว้เลยค่ะว่า ซีรีส์วายเรื่องนี้เหมาะสำหรับสายดราม่ามาก ๆ เพราะกระแสในโลกออนไลน์ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าเนื้อหาเข้มข้น การดำเนินเรื่องก็ค่อนข้างสนุก และอาจทำให้ใครบางคนเสียน้ำตาได้เลยทีเดียว

ไทป์ (คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์) นักศึกษามหาวิทยาลัยผู้มีอดีตเลวร้ายฝังใจกับเพศที่สาม ต้องมาอยู่ร่วมชายคาเป็นรูมเมตกับ ธาร (ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์) ชายหนุ่มสุดหล่อที่มีดีกรีเป็นถึงนักดนตรีเสน่ห์เหลือล้น แต่ที่เรื่องราวมันวุ่นวายไปหมดนั่นเป็นเพราะธารนั้นออกตัวกับไทป์อย่างตรงไปตรงมาว่าเขาเป็นเกย์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไทป์ไม่ชอบขี้หน้าธารตั้งแต่วันแรกที่เจอ แถมยังเป็นคู่กัดกันตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมและมีกระแสในโลกออนไลน์เยอะพอสมควรทั้งในและต่างประเทศ ด้วยความที่เคมีเข้ากันอย่างลงตัวระหว่างนักแสดงนำทั้งสอง ทำให้ได้รับกระแสตอบรับดีมากจนผู้จัดตัดสินใจถ่ายทำซีซั่น 2 ออกมาให้แฟน ๆ ได้รับชมกันหลังจากที่ซีซั่นแรกออนแอร์จบได้ไม่นานเลยล่ะค่ะ

ความสัมพันธ์ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ก้องภพ (ปราชญา เรืองโรจน์) ดันไปลองของดีโดยการมีเรื่องโต้เถียงกับรุ่นพี่วิศวะที่มีตำแหน่งเป็น "พี่ว้าก" ในกิจกรรมรับน้องปี 1 อย่าง อาทิตย์ (พีรวัส แสงโพธิรัตน์) แต่ใครจะรู้ว่า รุ่นพี่เฮดว้ากอย่างอาทิตย์แท้จริงแล้วจะเป็นคนที่มีนิสัยน่ารัก ซึ่งต่างจากภาพแรกที่ก้องภพจำได้ และเมื่อทั้งสองกลายมาเป็นคู่กัดและต้องเจอหน้ากันบ่อย ๆ ก็ทำให้ทั้งคู่เริ่มมีใจให้กันโดยที่ไม่รู้ตัว

ถือเป็นการนำเรื่องราวใกล้ตัวของใครหลาย ๆ คนมาตีแผ่ เพราะเชื่อว่าถ้าใครที่ผ่านวัยนักศึกษามาก็อาจจะต้องพบเจอกับการรับน้องและพี่ว้ากมาก่อน ซึ่งน่าจะทำให้ใครหลายคนอินกับซีรีส์เรื่องนี้ได้ไม่ยากเลยค่ะ และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ หลังซีซั่นแรกออนแอร์จบก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี จนมีซีซั่น 2 ออกมาให้ได้ชมตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ อีกด้วย

เมษ (ปราชญา ชีวนรสุชากุล) ผีที่ยังไม่ได้ไปสู่ภพหน้าได้บังเอิญมาเจอกับ ธันย์ (ภวัต จิตต์สว่างดี) เด็กน้อยที่มาเคารพศพของญาติหลุมข้าง ๆ ในวันเช้งเม้งของทุกปี เมื่อวันเวลาผ่านไปจนเด็กน้อยเติบใหญ่ ธันย์จึงได้มีโอกาสบอกถึงสาเหตุที่เมษยังไม่ไปเกิดเสียที และนั่นเป็นเพราะเมษไม่รู้สาเหตุการตายที่แท้จริงของตัวเอง ทั้งคู่ก็เลยตกลงและร่วมกันเพื่อพิสูจน์หาความจริงว่า แท้จริงแล้วการตายของเมษอาจจะเป็นการฆาตกรรม แต่แล้วเมื่อความจริงใกล้เข้ามา ธันย์กลับค้นพบว่าตัวเองนั้นเริ่มมีความรู้สึกบางอย่างให้กับผีอย่างเมษ

เป็นพล็อตเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจและไม่ซ้ำใครจริง ๆ ค่ะ เมื่อตัวซีรีส์ดำเนินเรื่องไปด้วยการนำสิ่งลี้ลับมาทำให้ดูไม่น่ากลัว สอดแทรกไว้ด้วยการสืบหาความจริงให้พอลุ้นระทึกเล็กน้อย แถมยังมีความคอมเมดี้เบา ๆ เป็นการผสมผสานที่กลมกล่อมกำลังดีและอบอุ่นหัวใจมากทีเดียว

เมื่อเว่ยอู๋เซี่ยน (เซียวจ้าน) ฟื้นขึ้นมาจากความตายในรอบ 16 ปี เขาก็ได้กลับมาสู่อดีตที่เขาอยากจะลืมเลือน ขณะเดียวกันการกลับมาเกิดใหม่ของเขาในครั้งนี้ก็เพราะมีใครบางคนต้องการจะยืมมือเขาสืบหาความจริงบางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ และมันอาจจะเกี่ยวพันกับอดีตของเขาเมื่อ 16 ปีที่แล้วด้วยเช่นกัน ซึ่งมันก็ทำให้เขาได้กลับมาเจอกับ หลานวั่งจี (หวังอี้ป๋อ) อดีตสหายรู้ใจเมื่อครั้งวัยเยาว์ที่คราวนี้จะร่วมยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างไปพร้อมกับเขาโดยไร้เงื่อนไขใด ๆ 

เดิมทีปรมาจารย์ลัทธิมารเป็นนิยายวายที่ได้รับความนิยมสูงสุดเป็นอันดับต้น ๆ บนเว็บไซต์จิ้นเจียงของจีน ก่อนจะถูกซื้อลิขสิทธิ์มาทำเป็นซีรีส์ แต่ด้วยเหตุผลด้านการออกอากาศของทางจีนทำให้ต้องปรับบทจากคนรักมาเป็นมิตรภาพระหว่างสหายรู้ใจแทน ซึ่งก็ต้องนับถือทีมงานหลาย ๆ ฝ่ายที่ยังคงใส่กิมมิคบางอย่างที่สื่อถึงความรักซึมลึกที่แฝงไว้ในการกระทำของพวกเขาได้อย่างแยบยล

หมอบรรณ (ภากร ธนศรีวนิชชัย) แพทย์นิติเวชที่ตัดสินใจย้ายมาประจำที่รพ.เวียงผาหมอก ได้มีโอกาสชันสูตรศพเพื่อนสนิทของตัวเองตั้งแต่สมัยมัธยมอย่าง ครูเจน (เมโกะ ชนนิกานต์) แต่ว่าเรื่องราวกลับไม่จบลงแค่นั้น เพราะหมอบรรณรู้ได้จากการพลิกศพว่า แท้ที่จริงแล้วเธออาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตายและอาจจะเป็นฆาตกรรมอำพราง ในขณะเดียวกันหมอบรรณก็ได้รับความช่วยเหลือจาก ครูแทน (ณัฐพล ดิลกนวฤทธิ์) เพื่อนร่วมงานของครูเจนที่จะมาช่วยสืบหาคนร้ายไปพร้อม ๆ กัน

ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมากจากนิยายวายชื่อดังแต่งโดย Sammon สู่ซีรีส์วายที่หลายคนยอมรับว่า เป็นมิติใหม่แห่งวงการซีรีส์วายไทยที่หยิบเอาการแพทย์ด้านนิติเวชศาสตร์มาผสมผสานกับแนวสืบสวนสอบสวน ให้คุณลุ้นไปกับตัวละครว่า ใครคือผู้ร้ายตัวจริง ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงการคอร์รัปชันในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าสนุกจนนั่งไม่ติดทีเดียวค่ะ

ใครเล่าจะเชื่อตำนานที่ว่าถ้าอายุ 30 แล้วยังคงความเวอร์จิ้นเอาไว้ได้ จะกลายเป็นผู้มีพลังวิเศษอ่านใจคนได้ ซึ่งอาดะจิ คิโยชิ (อาคาโซะ เอจิ) ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน เมื่อเขาตื่นมาในวันเกิดครบรอบ 30 ปี แล้วพบว่าตำนานเหล่านั้นมันเป็นความจริง ทว่ายังไม่ทันได้หายตกใจก็ต้องมาเจอกับเรื่องสุดพีคเมื่อเขาบังเอิญไปอ่านใจของ คุโรซาว่า ยูอิจิ (มาชิดะ เคย์ตะ) หนุ่มสุดฮอตในบริษัทของตัวเอง และก็พบว่าคุโรซาว่าดันแอบชอบตัวเองอยู่!

ถ้าใครเล่นโซเชียลก็น่าจะเคยได้ยินผ่าน ๆ เกี่ยวกับกระแสของเรื่องนี้กันอยู่บ้างใช่ไหมล่ะคะ เพราะว่าออนแอร์ที่ญี่ปุ่นได้เพียงแค่ 3 ตอน ก็ถูก WeTV Thailand จ่อซื้อลิขสิทธิ์มาฉายต่อในไทยกันเลยทีเดียว โดยเรื่องนี้เป็นซีรีส์วายที่ไม่เน้นดราม่า เป็นแนวอบอุ่นหัวใจ การเล่าเรื่องก็กระชับ ไม่ยืดเยื้อ แถมยังสอดแทรกกลิ่นอายวัฒนธรรมของญี่ปุ่นลงไปได้อย่างกลมกล่อม เป็นซีรีส์วายที่สามารถดูได้ทุกเพศทุกวัยเลยก็ว่าได้ค่ะ

เรื่องราวของเต๋ (พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล) เด็กม.6 ที่กำลังจะต้องเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยและได้มีโอกาสเจอกับ โอ้เอ๋ว (กฤษฏ์ อำนวยเดชกร) เพื่อนสนิทที่เคยทะเลาะกันไปเมื่อหลายปีก่อน ณ สถาบันเรียนพิเศษภาษาจีน ซึ่งการกลับมาเจอกันครั้งนี้ก็ทำให้ทั้งสองกลับมาสนิทกันอีกครั้ง และเกิดเป็นความรู้สึกบางอย่างที่เต๋เริ่มสับสนและหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า ความรู้สึกที่เขามีต่อโอ้เอ๋วนั้นมันคือคำว่าแค่เพื่อนจริง ๆ ใช่ไหม

ซีรีส์วายเรื่องแรกจากนาดาวที่สามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่มีผิดหวังเลยค่ะ ด้วยสเกลการถ่ายทำระดับภาพยนตร์ พร้อมด้วยรายละเอียดมากมายที่จะทำให้คุณต้องทึ่งกับความสามารถของทั้งนักแสดงและทีมงานเบื้องหลังอย่างไร้ข้อกังขา นอกจากนี้ การนำเสนอเรื่องความรักของ LGBTQ+ ก็ทำออกมาได้ดีน่าประทับใจ การดำเนินเรื่องก็ค่อนข้างไม่น่าเบื่อและชวนให้ติดตามสุด ๆ นับว่าเป็นซีรีส์วายขึ้นหิ้งที่หลายคนยกให้เป็นผลงาน Masterpiece ที่ห้ามพลาด และกำลังจะมีภาคต่อออกมาให้ชมในเร็ว ๆ นี้อีกด้วยค่ะ