10 อันดับ สว่านไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 แรงบิดสูง เจาะปูนได้

ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อสว่านไร้สายนั้นจะต้องตรวจสอบก่อนว่าสิ่งที่เลือกมีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด อีกทั้งยังต้องเช็กแรงดันไฟและขนาดความจุของแบตเตอรี่เพื่อคำนวณระยะเวลาการใช้งาน โดยข้อมูลเหล่านี้จะใช้ในการพิจารณาเลือกซื้อสว่านไร้สาย เพื่อให้ได้เครื่องมืองานเจาะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดนั่นเองค่ะ

หากแบ่งตามการใช้งานสว่านนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ งานเจาะทั่วไปสำหรับวัสดุที่เป็นไม้และเหล็ก และเจาะแบบกระแทกสำหรับงานปูนและหิน ซึ่งลักษณะการใช้งานที่ต่างกันนี้ทำให้มีการออกแบบชุดจับดอกสว่านและกลไกส่วนหน้าให้แตกต่างกัน มาดูกันดีกว่าค่ะว่าสว่านแต่ละแบบนั้นเหมาะกับงานแบบไหน

สว่านธรรมดาใช้ในการจับดอกสว่านทั่วไปเพื่อเจาะวัสดุต่าง ๆ สามารถเจาะกระแทก เจาะปูน เจาะหินได้ ถ้าใช้ดอกเจาะปูนคู่กับสว่านไร้สายที่มีโหมดเจาะกระแทก จะสามารถเจาะได้อย่างมีประสิทธิภาพมากทีเดียวค่ะ แต่หากใช้ในงานเจาะกระแทกติดต่อกันเป็นเวลานาน ประสิทธิภาพก็มักจะลดลง ซึ่งในปัจจุบันสว่านประเภทนี้จะมีหัวจับดอกสว่านทั้งแบบเฟืองจำปาและแบบมือหมุน แต่ที่นิยมในสว่านไร้สายคือแบบมือหมุนจับดอก เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ประแจในการการหมุนทำให้สะดวกรวดเร็วเวลาเปลี่ยนดอกสว่านนั่นเองค่ะ

เป็นสว่านประเภทที่ต้องใช้ดอกสว่านแบบโรตารีเท่านั้น ซึ่งจะมีการเซาะร่องในดอกสว่านที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในงานเจาะกระแทกโดยเฉพาะ สามารถถอดและสวมดอกได้ง่าย หากไม่ใช้อะแดปเตอร์สำหรับเปลี่ยนหัวจับจะใช้กับดอกสว่านทั่วไปไม่ได้ซึ่งถือเป็นข้อจำกัดของสว่านประเภทนี้ โดยทั่วไปแล้วสว่านโรตารีมักจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงกว่าสว่านธรรมดา ทนต่อแรงสั่นสะเทือนได้ดีเพราะออกแบบมาให้เหมาะกับงานเจาะกระแทก เจาะหิน หรือเจาะปูน ถ้าจะเลือกใช้สว่านชนิดนี้ต้องคำนึงด้วยว่างานหลักที่ใช้นั้นเป็นงานเจาะหินเจาะปูนหรือไม่ นั่นเป็นเพราะสว่านโรตารีจะมีราคาสูงกว่าสว่านทั่วไปค่ะ 

ลักษณะการทำงานของสว่านไฟฟ้าชนิดนี้ก็ตามชื่อเลยค่ะ เพราะเป็นสว่านไฟฟ้าที่เหมาะกับการนำมาใช้งานแทนไขควงธรรมดาที่ไขด้วยมือ ด้วยความเร็วรอบและแรงบิดที่สูง ทำให้การขันสกรูหรือนอตเป็นไปได้ด้วยความรวดเร็วโดยที่คุณไม่ต้องออกแรง ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อใช้เป็นไขควงแล้ว ก็ยังสามารถใช้เป็นสว่านไฟฟ้าทั่วไปได้อีกด้วย แต่แรงบิดอาจจะไม่สู้สว่านไฟฟ้าธรรมดา จึงเหมาะสำหรับการใช้เจาะพื้นผิวที่ไม่แข็งมาก เพื่อเป็นการถนอมสว่านไขควงไปในตัวด้วยค่ะ 

ในการเจาะรูนั้นนอกจากความเที่ยงตรงของวัสดุและอุปกรณ์เจาะแล้ว “แรงบิด” ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้วัดว่าสว่านแต่ละเครื่องมีประสิทธิภาพในการเจาะมากน้อยเพียงใด เพราะแต่ละวัสดุย่อมอาศัยแรงบิดเจาะไม่เท่ากัน เช่น การเจาะไม้ไม่ต้องใช้แรงบิดเจาะมากเท่ากับการเจาะเหล็ก การเจาะปูนนอกจากจะใช้แรงบิดแล้วยังต้องอาศัยแรงกระแทก เป็นต้น ดังนั้น การเลือกสว่านที่มีแรงบิดสูงจะสามารถใช้ในงานเจาะได้ง่ายขึ้นครอบคลุมวัสดุที่หลากหลายมากขึ้นค่ะ

แต่ทั้งนี้ผู้ใช้งานควรประเมินว่างานเจาะที่ทำเป็นประจำเป็นงานเจาะวัสดุประเภทใด ต้องการแรงบิดที่สูงแค่ไหน เพราะสว่านไร้สายที่มีแรงบิดสูงมักจะมีราคาที่สูงตามไปด้วย ตลอดจนแบตเตอรี่ที่ใช้ต้องเป็นแบตเตอรี่แอมป์สูง หากใช้แบตเตอรี่ที่ความจุแอมป์ต่ำ ใช้งานได้ไม่นานแบตก็หมดแล้ว การตรวจสอบแรงบิดของสว่านไร้สายนี้สามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลที่ทางบริษัทระบุไว้ข้างตัวเครื่อง ซึ่งมีหน่วยเป็นนิวตันเมตร (NM) ยิ่งค่าหน่วยสูงแรงบิดก็จะสูงตามไปด้วยนั่นเองค่ะ

เนื่องจากในปัจจุบันมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ถูกผลิตออกมาอย่างมากมาย มอเตอร์สว่านไร้สายก็ถูกพัฒนาจากระบบแปรงถ่านกลายเป็นระบบไร้แปรงถ่านหรือมอเตอร์บัสเลส (Brushless) ซึ่งแต่ละชนิดล้วนมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป ผู้ที่จะซื้อสว่านไร้สายควรตรวจสอบข้อมูลของมอเตอร์ทั้ง 2 ชนิดนี้ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ

• มอเตอร์แปรงถ่าน ถือเป็นมอเตอร์ระบบดั้งเดิมที่ใช้แม่เหล็กแมกนีไทต์และมีแปรงถ่านคาร์บอนเป็นตัวเสียดสีบริเวณแกนเพลา เวลามอเตอร์หมุนจะเกิดประกายไฟขึ้นเล็กน้อยบริเวณแกนคาร์บอน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมอเตอร์แปรงถ่านจะมีขนาดใหญ่และมีรอบต่ำ มีข้อเสียคือร้อนเร็ว แต่อะไหล่หาง่าย ซ่อมบำรุงสะดวก อีกทั้งมอเตอร์เหล่านี้ยังมีขายทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งคุณสามารถซื้อมาเปลี่ยนเองได้ค่ะ 

• มอเตอร์ไร้แปรงถ่าน หรือมอเตอร์บัสเลส เป็นนวัตกรรมใหม่ทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนจากแมกนีไทต์มาเป็นแม่เหล็กนีโอเดียม (Neodymium) ซึ่งมีความแรงและมีความเสถียรกว่า ทั้งยังให้แรงบิดสูงและความเร็วรอบสูงอีกด้วย มอเตอร์ชนิดนี้จะไม่เกิดประกายไฟในการทำงานเนื่องจากไม่มีแปรงถ่าน อีกทั้งยังให้ความร้อนต่ำจึงสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง และในอัตราแบตเตอรีเท่ากันมอเตอร์ชนิดนี้จะประหยัดไฟกว่า ทำให้สามารถใช้งานได้ยาวนาน แต่เนื่องจากมอเตอร์บัสเลสนี้เป็นเทคโนโลยีใหม่จึงไม่ค่อยมีอะไหล่หรืออุปกรณ์สำรองรองรับมากนัก

แบตเตอรี่เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของสว่านไร้สายที่จะจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์ หากแบตเตอรี่ที่ใช้ไม่มีคุณภาพแล้วล่ะก็ การทำงานของมอเตอร์และส่วนอื่น ๆ ของสว่านก็ย่อมไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การเลือกซื้อสว่านไร้สายจึงต้องคำนึงถึงแบตเตอรี่เป็นอย่างมากทั้งเรื่องของแรงดันไฟและความจุของแบตเตอรี่ โดยในด้านของแรงดันไฟ คุณควรตรวจสอบว่ามีแรงดันกี่โวลต์ (Voltage : V) และจำนวนโวลต์ที่แจ้งมานั้นตรงตามความเป็นจริงหรือไม่ 

ส่วนในด้านความจุของแบตเตอรี่ก็ดูได้จากเลขจำนวนแอมป์ด้านข้างตัวแบตเตอรี่ ซึ่งความจุนี้จะเป็นสิ่งบอกว่าแบตเตอรี่ก้อนนี้สามารถจ่ายพลังงานให้กับสว่านได้นานเพียงใด ยิ่งมีจำนวนตัวเลขแอมป์มากยิ่งสามารถจ่ายไฟได้นานขึ้นค่ะ  แต่ทั้งนี้ระยะเวลาการใช้งานสว่านก็ย่อมแปรผันตามขนาดของมอเตอร์ด้วย เพราะยิ่งมอเตอร์มีขนาดใหญ่ยิ่งใช้ไฟมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ สว่านไร้สายบางรุ่นจึงมีราคาตัวเครื่องที่ไม่สูงมากนัก ในขณะที่แบตเตอรี่กลับมีราคาสูงกว่านั่นเองค่ะ

สว่านไร้สายที่จำหน่ายในท้องตลาดมีมากมายหลายสิบแบรนด์ ดังนั้น หัวข้อนี้เราจะมาแนะนำแบรนด์สว่านไร้สายคุณภาพดีด้วยกันทั้งหมด 3 แบรนด์ เพื่อให้คุณพิจารณาเลือกซื้อสว่านไร้สายได้ง่ายขึ้นค่ะ

ยอดแบรนด์เครื่องมือช่างที่มีอายุเก่าแก่กว่า 106 ปี จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีโรงงานผลิตกระจายอยู่ทั่วโลก รวมไปถึงประเทศไทย เนื่องจากเป็นแบรนด์เครื่องมือช่างที่ช่างทุกระดับยอมรับในคุณภาพ โดยจุดเด่นของสว่านไร้สาย Makita คือ ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน เสริมด้วยงานประกอบที่ดูแข็งแรงแน่นหนา ทำให้ความทนทานและอายุการใช้งานไม่เป็นสองรองใคร และที่สำคัญคือมีราคาย่อมเยาเมื่อเทียบกับสว่านไร้สายสเปกใกล้เคียงกันในหลาย ๆ แบรนด์ค่ะ

BOSCH ถือได้ว่าเป็นแบรนด์อันดับต้น ๆ ที่ช่างหลายคนนึกถึง ซึ่ง BOSCH ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1886 และได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ขาวของเครื่องใช้มากมาย โดยเฉพาะเครื่องมือช่างและสว่านไร้สาย BOSCH ถือได้ว่าเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำยอดขายได้เป็นอันดับต้น ๆ ของแบรนด์ จุดเด่นของสว่านไร้สาย BOSCH คือเรื่องของความทนทานและประสิทธิภาพการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกรูปแบบ ซึ่งเมื่อมองไปที่ราคาอาจจะดูสูงไปบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับคุณภาพแล้วถือว่าคุ้มเกินคุ้มค่ะ 

สำหรับแบรนด์ DEWALT ถูกจัดอันดับให้เป็นแบรนด์เครื่องมือช่างระดับมืออาชีพที่มีคุณภาพไม่น้อยไปกว่า Makita และ BOSCH ซึ่ง DEWALT เป็นบริษัทแม่ของแบรนด์เครื่องมือช่างมากมาย อาทิ Black+Decker และ STANLEY ที่ช่างคนไทยทุกคนรู้จักกันดี ส่วนสว่านไร้สาย DEWALT นั้นมีให้เลือกหลากหลายรุ่นตามแต่ลักษณะการใช้งาน โดยเป็นสว่านไร้สายที่มีความทนทานสูง สามารถสู้กับหน้างานได้ทุกรูปแบบ อีกทั้งยังมีการรับประกันที่ยาวนาน ช่วยสร้างความอุ่นใจให้กับผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดีค่ะ 

เมื่อทราบกันแล้วว่าหัวใจสำคัญในการเลือกสว่านไร้สายนั้นขึ้นอยู่กับอะไร เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าสว่านไร้สาย 10 ยี่ห้อที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้มียี่ห้อใดบ้าง และแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อมีความโดดเด่นขนาดไหน ไปชมพร้อมกันเลยค่ะ

• MAKITA - สว่านไร้สาย รุ่น DCD709L2-B1
• DEWALT - สว่านไร้สาย รุ่น DCD709L2-B1
• BOSCH - สว่านไร้สาย รุ่น GSB 120-LI
• Milwaukee - สว่านไร้สาย รุ่น M12 FPD-0
• DEWALT - สว่านไร้สาย สว่านไขควงไร้สาย รุ่น DCF601N

ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับการใช้งานของคุณเพิ่มเติมได้จากตารางเปรียบเทียบข้อมูลสินค้าด้านล่าง

เพื่อป้องกันความผิดพลาดอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นงานและตัวสว่าน ทั้งยังอาจทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ใช้งาน ดังนั้น ก่อนใช้งานคุณควรตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวผลิตภัณฑ์ก่อนจะใส่แบตเตอรีต้องกดสวิตซ์เพื่อตรวจดูว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ เมื่อใส่ดอกเจาะก็ให้ตรวจดูว่าปากสว่านจับดอกแน่นพอที่จะใช้งานแล้วหรือยัง หากใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานานจนมอเตอร์หรือแบตเตอรีร้อน แนะนำให้หยุดใช้งานและถอดแบตเตอรีออกจากตัวเครื่องเพื่อตรวจสอบต่อไปค่ะ