ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
ประเทศจีนได้กลายมาเป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจของโลก โดยมี GDP สูงขึ้นทุกปี ตลาดทางเศรษฐกิจของจีนนั้นมีมูลค่าสูง อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะเติบโตไปอีกเรื่อย ๆ ดังนั้นการลงทุนในประเทศจีนจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ แต่ถ้าคุณจะไปลงทุนในตลาดจีนด้วยตัวเองก็มีอุปสรรคในเรื่องของกำแพงภาษา จึงทำให้หลายคนเลือกมาลงทุนในกองทุนจีน เพราะจะมีผู้จัดการกองทุนที่คอยบริหารเงินลงทุนของคุณในตลาดจีนให้เกิดผลประโยชน์สูงสุด จึงช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการหาผลตอบแทนมากขึ้น
กองทุนจีนในไทยก็มีอยู่มากมาย โดยมีความแตกต่างกันตามลักษณะของตลาดทุนและกลยุทธ์ที่ใช้ในการบริหาร จึงทำให้ได้ผลตอบแทนและมีความเสี่ยงจากการลงทุนที่ไม่เท่ากัน หากลงทุนโดยขาดความรู้ก็อาจทำให้สูญเสียเงินต้นที่ใช้ลงทุนไปโดยสิ้นเชิง วันนี้เราจึงจะนำข้อมูลวิธีการเลือกกองทุนจีนที่คุณควรทราบพร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงิน เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกกองทุนจีนได้อย่างเหมาะสม และยังมี 10 กองทุนจีน ที่น่าสนใจมาให้คุณได้พิจารณากันอีกด้วย
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
คุณจอยจบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงและกำลังศึกษาต่อในระดับเนติบัณฑิตเพื่อมุ่งสู่งานด้านกฎหมายในอนาคต แต่นอกจากความชื่นชอบในงานด้านกฎหมายแล้ว คุณจอยยังมีความสนใจในด้านการลงทุนและการวางแผนทางการเงินเป็นพิเศษ จึงไปต่อยอดความรู้ด้วยการลงเรียนคอร์สต่าง ๆ เพิ่มเติมและสอบ IC License หรือใบอนุญาตผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์มาได้ในที่สุด ในส่วนของงานอดิเรกหลักที่ชื่นชอบนั้นจะเป็นการถ่ายภาพ ซึ่งคุณจอยได้ไปลงเรียนคอร์สการถ่ายภาพขั้นสูงของ KMUTT และเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ Canon เพื่อเข้าร่วมคอร์สต่าง ๆ อยู่ตลอด รวมทั้งยังชอบแชร์ภาพสวย ๆ โดยฝีมือการถ่ายของตัวเองจากการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ผ่านทาง Google Map จนมีผู้ชมถึง 1.5 ล้านวิวอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
กองทุนจีนถือเป็นกองทุนต่างประเทศที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากตลาดจีนนั้นยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวและยังสามารถเติบโตขึ้นได้อีก จากตัวชี้วัดสำคัญทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ประชาชนชาวจีนเองก็มีกำลังซื้อมากขึ้น ในขณะเดียวกันสินค้าจากประเทศจีนก็ยังเป็นที่ต้องการและครองส่วนแบ่งตลาดในโลกได้มากขึ้นด้วย และจีนยังมีความเสถียรภาพทางโครงสร้างต่าง ๆ จึงทำให้หลายคนมองว่าการลงทุนในจีนนั้นมีความมั่นคงและผันผวนน้อย
อีกหนึ่งจุดเด่นของการลงทุนในจีนคือเรื่องของเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด คุณจะเห็นได้เลยว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านไอทีระดับโลกหลาย ๆ บริษัทก็มาจากจีน เช่น Alibaba, Tencent, Tiktok, Xiaomi และ Huawei มีความสามารถในการแข่งขันใกล้เคียงกับบริษัทชั้นนำจากฝั่งสหรัฐอเมริกา และยังสามารถเติบโตได้อีกเรื่อย ๆ รวมทั้งยังมีบริษัท Start-Up จำนวนมากที่มีศักยภาพในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอนาคตด้วยเช่นกัน
อย่างที่เราทราบกันดีว่าตลาดทุนจีนนั้นใหญ่มาก ๆ จึงทำให้แต่ละกองทุนเลือกลงทุนในตลาดและเลือกกลยุทธ์ในการลงทุนที่ไม่เหมือนกัน หากคุณรู้จักแต่ละตลาดทุน รวมไปถึงกลยุทธ์ในการลงทุนของแต่ละกองทุนก็จะช่วยให้คุณเลือกลงทุนในกองทุนที่ตอบโจทย์ความต้องการมากขึ้น
ตลาดลงทุนของประเทศจีนนั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก ๆ ซึ่งจะแบ่งได้หลัก ๆ ออกเป็น 3 ตลาด คือ ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ (A-Share), ตลาดฮ่องกง (H-Share) และตลาดจีนรวมไต้หวัน (Greater China) ซึ่งในแต่ตลาดจะมีลักษณะเฉพาะตัวและจุดแข็งในการแข่งขันที่แตกต่างกันครับ
A-Share คือตลาดหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ เป็นการอิงถึงตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ (SSE) และตลาดหุ้นเซนเจิ้น (SZSE) มีวิธีคิดดัชนีของตลาดโดยการนำมูลค่าของหุ้นทั้งใน 2 ตลาด มาคำนวณเฉลี่ยกัน สกุลเงินที่ใช้ในการซื้อขายหุ้นคือสกุลเงินหยวน มีมูลค่าใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา จึงทำให้มีปริมาณหุ้นที่มีการแลกเปลี่ยนซื้อขายในแต่ละวันสูง อีกทั้งยังมีความผันผวนตามตลาดโลกต่ำลงเรื่อย ๆ เนื่องจากตลาดหุ้นแห่งนี้จะทำการซื้อขายระหว่างประชาชนสัญชาติจีนและนักลงทุนสถาบันต่างชาติบางส่วนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
ซึ่งหุ้นในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ถือว่าเป็น ตลาดแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม ในปัจจุบันมีหลากหลายมากกว่า 3,500 บริษัท โดยบริษัทที่เด่น ๆ ก็จะอยู่ในหมวด Financial Services, Technology และ Industrial เป็นส่วนมากครับ
H-Share เป็นตลาดที่อิงถึงตลาดหุ้นฮั่งเส็ง (HSI) บริษัทในตลาดหุ้น H-Share จะจดทะเบียนในจีนแต่จะเปิดการซื้อขายหุ้นในตลาดฮ่องกงเพื่อเพิ่มการระดมทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งตลาดหุ้นฮ่องกงถือว่าเป็นตลาดหุ้นที่ได้รับการยอมรับจากนักลงทุนทางด้านมาตรฐานการบัญชีที่มีมาตรฐานสูงกว่าฝั่ง A-Share และยังมีความหลากหลายของอุตสาหกรรม เช่น Technology, Telecom, Real Estate, Energy, Consumer Goods ฯลฯ
เนื่องจากตลาดหุ้น H-Share นั้นอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาเทรดได้ จึงทำให้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนจำนวนมากจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมไปถึงรัฐวิสาหกิจชั้นนำของประเทศจีนเองก็เข้ามาทำการซื้อขายในตลาดหุ้น H-Share โดยบริษัทดัง ๆ ที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงอย่าง Tencent และ Bank Of China ก็ทำการซื้อขายในตลาดแห่งนี้ครับ
ตลาดจีนรวมไต้หวัน (Greater China) คือ กองทุนจีนที่ลงทุนใน Greater China ซึ่งจะครอบคลุมถึงจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวันเข้าด้วยกัน ตลาดหุ้นไต้หวันก็มีการเติบโตมายาวนาน เรียกได้ว่าเล็กพริกขี้หนูเนื่องจากบริษัทชั้นนำระดับโลกหลาย ๆ บริษัทก็จดทะเบียนอยู่ที่ไต้หวัน
อย่างที่เราได้ทราบกันว่าในมุมมองของนักลงทุนนั้นจะเล็งเห็นว่า จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน ต่างก็เป็นตลาดจีนที่มีศักยภาพในการเติบโต และเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ แต่เพราะทั้งสามตลาดนั้นใช้สกุลเงินในการซื้อขายที่แตกต่างกันจึงทำให้กองทุนจีนพยายามกระจายการลงทุนเข้าไปในตลาดทั้งสาม และเรียกชื่อใหม่เป็น Greater China เพื่อขยายโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากกลุ่มตลาดการลงทุนแล้ว กลยุทธ์ในการบริหารแต่ละกองทุนก็จะมีความแตกต่างกันออกไป บางกองทุนอาจจะเน้นผลตอบแทนไม่มากแต่มีความเสี่ยงต่ำเพื่อรักษาเงินต้น ในขณะที่บางกองทุนอาจจะเน้นผลตอบแทนที่ก้าวกระโดดแต่ก็ต้องมาแลกมาด้วยความเสี่ยงที่อาจจะทำให้คุณเสียเงินต้นในการลงทุนเพิ่มขึ้น
กองทุนที่มีกลยุทธ์ในการบริหารเงินลงทุนแบบ Active คือ การบริหารรูปแบบนี้คือการที่ผู้จัดการกองทุนจะเน้นบริหารแบบเชิงรุก คัดเน้นแต่หุ้นที่จะช่วยให้ได้ผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าค่ามาตรฐาน Benchmark จึงทำให้ผู้ที่ลงทุนในกองทุนประเภทนี้มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งอาจจะเน้นการลงทุนในกลุ่มอุตสากรรมที่มีแนวโน้มในการเติบโต รวมไปถึงการโฟกัสกับหุ้นของบริษัทในแต่ละบริษัท
บางครั้งอาจจะดูจากมูลค่าในตลาดหรือบางครั้งนั้นจะพิจารณาจากพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท กองทุนประเภทนี้ดีตรงที่สร้างผลตอบแทนมหาศาลแต่ก็มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ ยังมีค่าธรรมเนียมในการบริหารกองทุนที่ค่อนข้างสูง
กองทุนที่มีกลยุทธ์ในการบริหารเงินลงทุนแบบ Passive คือ การบริหารรูปแบบนี้จะเน้นในการคัดสรรหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี มีศักยภาพในการแข่งขันสูง เพื่อลดความเสี่ยงลงด้วยการอ้างอิงการลงทุนจากดัชนีอ้างอิงมาตรฐานของตลาดหลักทรัพย์ให้มากที่สุด จะไม่ได้อิงจากอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งหรือบริษัทใดบริษัทหนึ่งเป็นหลัก
โดยหุ้นที่อยู่ในกลุ่มดัชนีทางตลาดเหล่านี้จะมีความปลอดภัยเนื่องจากพื้นฐานของบริษัทนั้นผ่านเกณฑ์การพิจารณาที่ทางตลาดหลักทรัพย์ตั้งเงื่อนไขเอาไว้ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงต่ำ ไม่ต้องใช้การบริหารเงินกองทุนมากมายจึงทำให้มีค่าธรรมเนียมต่ำ แต่กองทุนประเภทนี้อาจจะให้ผลตอบแทนที่ไม่หวือหวา เพราะผลตอบแทนของคุณจะเป็นไปในทางเดียวกับเทรนด์ของตลาดนั่นเอง
กองทุนจีนเองก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วยเช่นกัน โดยให้เลือกกองทุนที่มีลักษณะเป็น SSF หรือ RMF ซึ่งคุณจะสังเกตเห็นได้ว่าจะมีคำว่า SSF หรือ RMF ตามหลังชื่อกองทุนนั่นเอง
RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ มีเงื่อนไขในการยกเว้นภาษีตรงที่จะต้องถือหน่วยลงทุนจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องถืออย่างน้อย 5 ปีถึงจะขายได้ อีกทั้งยังต้องซื้อหน่วยลงทุนอย่างต่อเนื่องอีกด้วย สามารถลงทุนได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ที่ต้องเสียภาษี หรือไม่เกิน 500,000 บาทโดยคิดรวมกับ SSF, Provident Fund, ประกันบำนาญ และกองทุนการออมแห่งชาติ
SFF หรือกองทุนรวมเพื่อการออมระยะยาว มีเงื่อนไขในการยกเว้นภาษีโดยที่จะต้องถือหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่จำเป็นต้องซื้อหน่วยลงทุนต่อเนื่องทุกปี ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับ SSF, Provident Fund, ประกันบำนาญ และกองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท ครับ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
UOB Asset Management (Thailand) Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท เกรธเธอร์ ไชน่า (UOBSGC) | ลงทุนใน United Greater China ครอบคลุมจีน ฮ่องกง ไต้หวัน | |||
BBL Asset Management Co.,Ltd กองทุนจีน กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นจีน (B-CHINE-EQ) | กระจายการลงทุน โดยเฉพาะหมวดอุตสาหกรรม ผลตอบแทนสูง | |||
Krungsri Asset Management Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิดกรุงศรีเกรทเทอร์ไชน่าอิควิตี้เฮดจ์ปันผล (KF-HCHINAD) | เน้นหุ้นฮ่องกงและไต้หวัน ครอบคลุมตลาดไอที สินค้าฟุ่มเฟือย | |||
Phillip Asset Management Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิดฟิลลิป ไชน่า กรีน เอ็นเนอร์จี แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ (P-CGREEN) | เลือกลงทุนใน Green Tech พลังงานสะอาด โดยเฉพาะรถ EV | |||
TMB Asset Management Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิดทหารไทย China Equity Index (TMBCHEQ) | กองทุนจีนเชิงรับ ให้ผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี FTSE China A50 | |||
MFC Asset Management PLC. กองทุนจีน กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไชน่า อิควิตี้ ชนิดผู้ลงทุนทั่วไปที่ไม่รับเงินปันผล (MCHINAGA) | ลงทุนผ่านกองทุน Allianz China A-Shares ผลงานระดับ 5 ดาว | |||
SCB Asset Management Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นจีนเอแชร์ (SCBCHA) | สะท้อนผลตอบแทนของ CSI 300 เน้นหุ้นด้านการบริโภคในจีน | |||
UOB Asset Management (Thailand) Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิด เกรธเธอร์ ไชน่า (GC) | ลงทุนกระจายตัวในบริษัทยักษ์ใหญ่ ผลตอบแทนย้อนหลังติดอันดับ | |||
Asset Plus Fund Management Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิด แอสเซทพลัส อีโวลูชั่น ไชน่า อิควิตี้ (ASP-EVOCHINA) | กองทุนจีนยุคใหม่ ลงทุนกับวิวัฒนาการและอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต | |||
TISCO Asset Management Co., Ltd. กองทุนจีน กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 5M#4 (TCHT5M4) | อ้างอิงกลุ่มดัชนี HSCE กระจายการลงทุนใน IT และ Financial |
สำหรับกองทุนนี้เป็นหนึ่งในกองผลงานโดดเด่น ได้รับการการันตี 5 ดาวจากการจัดอับดับของ Morningstar เน้นลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ เซิ้นเจิ้น และไต้หวัน จุดเด่นที่น่าจับตามองคือกองมีทรัพย์สินการลงทุนหลักอยู่ที่ Alibaba 10.82 % เท่ากันกับ TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของวงการอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งยังสามารถเอาชนะค่า Benchmark ของตลาดได้เป็นที่น่าพึงพอใจมาโดยตลอด และกระจายการลงทุนไปทุกอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย
กองทุนจีนจากบัวหลวงที่เลือกกระจายการลงทุนไปให้ครบทุกกลุ่มตลาดของจีน ไม่ว่าจะเป็น Allianz China A-Shares, Allianz All China Equity รวมไปถึงบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นผู้นำทางอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูง ในขณะเดียวกันก็พยายามกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ผลการดำเนินงานของกองทุนนั้นมีความโดดเด่นมาก ๆ อีกทั้งยังมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่เกินปีละ 4 ครั้งตามความเหมาะสม เหมาะกับการถือหน่วยลงทุนในระยะยาวเพราะตลาดจีนนั้นยังโตได้อีกไกลพอสมควร
กองทุนหลักของกองนี้ชื่อว่า FSSA Greater China Growth Fund เน้นการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีแหล่งรายได้จากประเทศจีนฮ่องกงและไต้หวัน ในสกุลเงิน USD มีสัดส่วนการลงทุนอยู่ในหมวด IT มากที่สุด รองลงมาคือสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งทรัพย์สินที่ลงทุนสูงสุดคือ Taiwan Semiconductor อยู่ที่ 8.5% และ Tencent Holdings 6.2% และกระจายตัวไปในกลุ่มอื่น ๆ ได้ดี พร้อมทั้งผลการดำเนินงานของกองทุนก็มีความโดดเด่นติดอันดับท็อปมาโดยตลอดครับ
P-CGREEN เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF ในสกุลเงิน USD โดยลงทุนกับในทุกนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของรัฐบาลจีน เช่น CATL ผู้เชี่ยวชาญในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งหากพิจารณาส่วนแบ่งการตลาด รถ EV ในจีนจะพบว่ามีส่วนแบ่งมากถึง 41% หรือแม้แต่เทคโนโลยี Solar Cell ก็มีฐานการผลิตกว่า 70% อยู่ที่ประเทศจีน ดังนั้นกองทุนจีนกองนี้จึงถือเป็นกองทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่น่าจับตามองมากที่สุดอีกกองครับ
กองทุนจีนกองนี้ได้รับการการันตี 3 ดาวจากการจัดอับดับของ Morningstar เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ iShares FTSE A50 China Index ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งมีสัดส่วนทรัพย์สินที่ลงทุนอยู่ในหมวด Financials มากถึง 37.15% รองลงมาคือหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้าจำเป็น 27.27% อย่างไรก็ตามกองทุนนี้ไม่มีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนและลงทุนกระจุกตัว จึงไม่เหมาะแก่การถือเพื่อทำกำไรในระยะสั้น
กองทุนจีนที่เน้นการลงทุนในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลักโดยเลือกลงทุนผ่านกองทุน Allianz China A-Shares ที่ได้รับการันตี 5 ดาวจากการจัดอันดับของ Morningstar ซึ่งถือเป็นการจัดอันดับระดับโลก มีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคตอย่าง Healthcare และ Consumer ทำให้คุณมีโอกาสในการได้รับผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีของตลาด อย่างไรก็ตามเมื่ออิงกับตลาดเดียวมากเกินไปก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงและมีความผันผวนมากตามมาด้วยครับ
กองนี้มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของ ChinaAMC CSI 300 Index ETF ซึ่งซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในสกุลเงินหยวน (RMB) เพียงกองเดียว โดยจะลงทุนในหุ้นที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี CSI 300 เพื่อให้ได้ผลการดำเนินงานและผลตอบแทนใกล้เดียงกัน นอกจากนี้ยังเน้นหุ้นเกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศจีนเช่น Ping An Insurance บริษัทด้านธุรกิจประกันภัย, Kweichow Moutai ผู้ผลิตสุราจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลก, China Merchants Bank สถาบันการเงินรายใหญ่ด้วย
สำหรับกอง GC เป็นกองทุนจีนติดอันดับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีสูงสุด และเป็นกองระดับ 4 ดาวจากการจัดอับดับของ Morningstar มีนโยบายเน้นลงทุนอย่างน้อย 2 ใน 3 ในหุ้นหรือทรัพย์สินที่โอนสิทธิ์ได้ แลมีกองทุนหลักเพียงกองเดียวคือ NN (L) Greater China Equity ซึ่งกระจายตัวการลงทุนในหลักทรัพย์ในต่างประเทศได้ดีทั้งหมวด IT, Consumer Discretionary, Financials, Industrials โดยทรัพย์สิน 5 อันดับแรกคือหุ้นของ Tencent Alibaba และ Shimao
กองทุนจีน ASP-EVOCHINA คือกองที่ลงทุนในหุ้นและหลักทรัพย์ในประเทศจีน ฮ่องกงและได้หวัน มีสัดส่วนการลงทุนในกองทุน Mirae Asset China Growth Equity มากถึง 34% สำหรับจุดเด่นสำคัญของกองทุนนี้คือมีนโยบายเน้นลงทุนบริษัทในหมวดอุตสาหกรรม Consumer, Healthcare และ E-commerce ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นของ Alibaba Group, Tencent และ Meituan นอกจากนี้ยังแบ่งการลงทุนในหุ้นรายตัวกลุ่มบริษัทยาและอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างมากในประเทศจีนด้วย
สำหรับกองทุนจีนกองนี้เป็นกองน้องใหม่ที่เปิดให้ซื้อขายครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค. 2564 เน้นลงทุนในหุ้นจีนในหน่วยลงทุน Hang Seng China Enterprises Index ETF มีเป้าหมายทำผลตอบแทนให้ได้ 5% ในเวลา 5 เดือน ทั้งนี้กองจะลงทุนโดยอ้างอิงดัชนี HSCE ในตลาด H-Share ของฮ่องกง และมีสัดส่วนหลัก 9.47% อยู่ที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านแพลตฟอร์มโซเชียลของจีนอย่าง Tencent รองลงมาคือธนาคารเพื่อการก่อสร้างจีน (CCB) อยู่ที่ 8.28% จึงนับว่าเป็นกองทุนจีนที่น่าจับตามองมากทีเดียว
การเล่นกองทุนนั้นก็เป็นการนำเงินไปลงทุนต่าง ๆ ย่อมทำให้เกิดผลตอบแทนและความเสี่ยงอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับผู้เล่นมือใหม่ที่อาจจะยังมีข้อสงสัยบางอย่างอยู่ ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากทุกคนกันครับ
ตลาดจีนนั้นถือเป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด สามารถลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะยาวเนื่องจากตลาดยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว แต่ทั้งนี้ก็ยังมีความไม่มั่นคงเนื่องจากอำนาจการตัดสินใจบริหารประเทศยังคงอยู่ภายใต้พรรคเดียว จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดได้ รวมไปถึงสงครามการค้าที่เกิดขึ้นกับประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจที่กำลังเติบโตนั้นเกิดการชะลอตัวหรือมีความผันผวนด้วยเช่นกัน
คำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ