ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
ในการลงมือทำเมนูอาหารหรือขนมสักจาน นอกจากหน้าตาและรสชาติแล้ว สีสันสวยงามของอาหารก็นับว่าเป็นสิ่งดึงดูดใจรูปแบบหนึ่งที่ชวนให้อยากลิ้มรสอาหารหรือขนมเหล่านั้นไปด้วย แต่อย่างที่ทราบกันดีค่ะว่า การจะเลือกสีผสมอาหารมาใช้ปรุงแต่งนั้นก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก เพราะสีผสมอาหารที่ทุกคนคุ้นเคยกันส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากการสังเคราะห์สารเคมีทั้งสิ้น หรือแม้แต่สีที่ได้จากธรรมชาติก็อาจจะกรองสารที่เจือปนมาออกได้ไม่หมด
ดังนั้น เราจึงรวบรวมข้อมูลวิธีการเลือกสีผสมอาหารมาไว้ให้ทุกคนได้ใช้ประกอบการเลือกซื้อกันอย่างเต็มที่ พร้อมคำแนะนำจากเชฟโดยเฉพาะ รวมถึงเรายังมี 10 อันดับ สีผสมอาหารหลากสีสันจาก Wilton, Best Odour, AmeriColor หรือแบรนด์ไทยอย่าง Winner's, ตราดาว, พอปัน ที่รับประกันในคุณภาพและความปลอดภัย พร้อมเพิ่มสีสันให้อาหารของทุกคนน่าทานยิ่งขึ้นอีกด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
จบปริญญาตรี คณะสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่งงานมีครอบครัวและย้ายมาอยู่อิตาลีตั้งแต่ปี 2006 ได้ฝึกปรือการทำขนมมาเรื่อย ๆ จนได้รับการติดต่อทาบทามจากเจ้าของร้าน Antico caffè San Marco ประเทศอิตาลี และให้โอกาสเข้ามาทำงานในร้านในตำแหน่ง Pastry Chef ของร้าน ตั้งแต่ปี 2018 เป็นเวลาสามปี และปัจจุบันได้เข้ามาร่วมงานกับ Pasticceria Caffè Pirona (50 Top Italy Pasticcerie 2022) ส่วนตัวชอบขีดเขียนและถ่ายรูปขนมสวยๆ ตามสไตล์พร้อมเอกลักษณ์และ Signature ที่ชัดเจน ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปชิมขนมในที่ต่าง ๆ จนกระทั่งมาจับปลายปากกาเขียนหนังสือเบเกอรี่ “Bake with heart” และได้ฝึกพัฒนาฝีมือจนกระทั่งได้เข้าทำงานสายขนมหวานอย่างจริงจังที่ร้านเก่าแก่ติดอันดับ Top 10 ของประเทศอิตาลีและ Top 50 Best Coffee Of The World
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
กว่าจะมาเป็นสีผสมอาหารที่ได้เห็นกันในปัจจุบัน ก็ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยมามากมาย ก่อนที่จะถูกรับรองให้สามารถใช้เจือปนอาหารได้ แถมยังถูกแบ่งแยกย่อยออกไปอีกหลายประเภทตามตัวชี้วัดที่ต่างกัน ดังนั้น เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า การเลือกสีผสมอาหารควรพิจารณาจากองค์ประกอบใดบ้าง
สิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญนั่นก็คือ ประเภทของสีผสมอาหารค่ะ ซึ่งหากเราหากแบ่งตามที่มาของสีและตามที่กฎหมายอนุญาตให้ใช้แล้วจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ สีธรรมชาติและสีสังเคราะห์ โดยทั้งสองแบบมีข้อดีข้อด้อย ดังนี้
สีผสมอาหารจากธรรมชาตินิยมใช้ในส่วนผสมของซุป, เครื่องปรุงรส, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, น้ำผลไม้, เนื้ออบ, เจลาติน, พุดดิ้ง, คัสตาร์ด, ลูกกวาด และไอศกรีม โดยแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ สีอนินทรีย์ซึ่งเป็นสีที่ได้จากสารประกอบที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ผงถ่านที่ได้จากเผาพืช (Vegetable Charcoal) ปูนขาว ไทเทเนียมไดออกไซด์ (Titanium Dioxide) หรือสารสีที่มีสีขาวพบได้ในยาสีฟัน และสีที่สกัดได้จากธรรมชาติ (Natural Pigment) ซึ่งได้มาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช, ผัก, ผลไม้, จุลินทรีย์ และสัตว์ ตัวอย่างเช่น
สีผสมอาหารธรรมชาติหรือสีที่ได้จากธรรมชาติ ไม่ว่าจะจากพืช ผัก ผลไม้หรือสัตว์ที่สามารถบริโภคได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย สีผสมอาหารธรรมชาติสามารถแบ่งออกเป็นสองชนิด ก็คือ
1. สีอนินทรีย์ เช่น ปูนขาว ผงถ่านและไทเทเนียมไดออกไซต์
2. สีที่สกัดได้จากธรรมชาติ ได้แก่ สีที่สกัดจากส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช ผัก ผลไม้และสัตว์ สีที่ได้จากธรรมชาติโดยตรงจะมีกลิ่นและรสชาติจากพืชผักเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น สีดำ จากเปลือกมะพร้าวเผาและถ่าน หรือสีดำจากหมึกดำ, สีแดงจากบีทรูท, สีเหลืองจากขมิ้น, สีม่วงจากดอกอัญชัญผสมน้ำมะนาว, สีน้ำเงินจากดอกอัญชัญ และสีเขียวจากใบเตยหรือผักโขม
สีผสมอาหารจากธรรมชาตินั้น เนื้อสีจะไม่คงที่และอาจมีกลิ่นและรสจากธรรมชาติปะปนมาด้วย ส่วนใหญ่นิยมนำมาใช้ผสมกับอาหารโดยตรงด้วยการปั่นหรือกรองแล้วใช้ทันที หรือถ้าเป็นพวกผงขมิ้นซึ่งเป็นผงอยู่แล้วก็สามารถใช้ใส่ลงไปได้เลยค่ะ
สีผสมอาหารสังเคราะห์เป็นสารอินทรีย์ที่ได้จากการสังเคราะห์สารเคมีต่าง ๆ ซึ่งมีสีที่ค่อนข้างคงที่ ส่วนใหญ่มักเลียนแบบโครงสร้างสีตามธรรมชาติ ซึ่งแบ่งได้ 4 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มมีชื่อสารให้สีดังนี้
ซึ่งข้อดีของสีผสมอาหารแบบสังเคราะห์คือ มีราคาถูก มีอายุการเก็บรักษาค่อนข้างนานและมีสีที่คงตัว แต่ต้องใช้ตามปริมาณที่แนะนำ ไม่ควรบริโภคมากหรือถี่จนเกินไป เพราะสีอาจจะเกิดการสะสมและไปเคลือบเยื่อบุกระเพาะอาหารหรือลำไส้ ซึ่งจะไปขัดขวางการหลั่งน้ำย่อย การดูดซึมอาหารจนอาจเป็นพิษต่อร่างกายหรือเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งในอนาคตได้ค่ะ
สีผสมอาหารสังเคราะห์เป็นวัตถุปรุงแต่งที่ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร ส่วนมากสังเคราะห์หรือสกัดขึ้นเพื่อใช้สำหรับตกแต่งอาหารให้มีสีสันน่ารับประทาน แน่นอนว่า สีสังเคราะห์จะมีราคาถูกกว่าสีผสมอาหารแบบธรรมชาติ ให้สีสันสดใสและมีความคงที่สม่ำเสมอมากกว่าสีผสมอาหารแบบธรรมชาติ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
- ในกลุ่มแรกก็สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่มย่อย กลุ่มย่อยแรกคือกลุ่มสีสังเคราะห์ที่ละลายในน้ำ แต่ไม่ละลายในตัวทำอินทรีย์ เหมาะแก่การผสมอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ กลุ่มที่สองคือสีสังเคราะห์ที่ละลายในน้ำมัน เหมาะสำหรับอาหารประเภทไขมัน
- สีผสมอาหารแบบสังเคราะห์กลุ่มที่สอง คือ สีผสมอาหารสังเคราะห์ที่เลียนแบบสารธรรมชาติ เช่น เบต้าแคโครอทีน เป็นต้น
นอกจากสีผสมอาหารจะถูกแบ่งตามที่มาแล้ว สีผสมอาหารยังแบ่งออกเป็น 3 สถานะ คือ แบบผง แบบเหลวหรือแบบน้ำ และแบบเจล ซึ่งต่างก็มีความเหมาะสมกับประเภทอาหารแตกต่างกันไปค่ะ
สีผสมอาหารแบบผงเป็นรูปแบบที่มีความเข้มข้นสูงใช้เพียงนิดเดียวก็ได้ความเข้มสีที่ต้องการ ที่สำคัญคือ ส่วนใหญ่มีอายุการเก็บรักษายาวนาน เหมาะสำหรับอาหารหรือขนมที่ไม่ต้องการความชื้น แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ แบบที่ละลายได้ในน้ำและแบบละลายได้ในน้ำมันหรือไขมัน ซึ่งแบบผงหากทำการละลายแล้วตั้งทิ้งไว้หรือละลายได้ไม่ดี จะละลายได้เพียง 95% และส่วนที่เหลืออาจเกิดการตกตะกอนและจะกลายเป็นจุดสีบนอาหารได้
สีผสมอาหารแบบผงเป็นสีผสมอาหารชนิดผง มีอายุการเก็บรักษายาวนาน เข้มข้นสูง เหมาะสำหรับการใช้เพียงปริมาณเล็กน้อยเท่านั้น นิยมใช้กับอาหารหรือขนมที่ไม่ต้องการความชื้น เช่น มาการอง สีชนิดผงมีทั้งแบบละลายได้ในน้ำอย่างเดียวแต่ไม่ละลายในไขมัน เพราะฉะนั้นเวลาเลือกซื้อควรตรวจเช็กให้ดีด้วย เพราะถ้านำสีผสมอาหารชนิดที่ไม่สามารถละลายได้ในไขมันไปใช้ละลายอาหารหรือขนมที่มีไขมัน จะทำให้สีไม่สามารถละลายได้ อาหารและขนมจะขึ้นเป็นจุดสี ๆ เพราะสีละลายไม่หมด ทำให้ดูไม่น่ารับประทานค่ะ
สีผสมอาหารแบบน้ำเป็นรูปแบบที่ใช้งานง่าย เพราะสามารถเจือปนลงในอาหารได้เลย นอกจากนี้ บางยี่ห้อยังอาจมาพร้อมกลิ่นปรุงแต่งเพื่อช่วยในการจำแนกเฉดสี และช่วยให้การทำอาหารหรือขนมมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น นิยมใช้ทั้งในการเจือสีอาหาร เครื่องดื่ม ไปจนถึงเบเกอรี่ที่ต้องการเนื้อครีมอย่างบัตเตอร์ครีม อย่างไรก็ตาม การใช้สีน้ำมีข้อควรระวัง คือ เมื่อสีผสมเข้ากับส่วนผสมแล้วอาจเกิดการเปลี่ยนสีหรือเนื้อสีจางลงได้ค่ะ
สีผสมอาหารแบบน้ำเป็นสีผสมอาหารที่ใช้งานง่าย สามารถใช้ได้ทันที ทั้งในอาหาร ขนมและเครื่องดื่ม แนะนำว่าควรเลือกซื้อสีผสมอาหารชนิดเข้มข้น เพราะหยดเพียงเล็กน้อยก็ได้เฉดสีที่ต้องการ ข้อควรระวังคือ สีผสมอาหารแบบน้ำนั้น ถ้านำไปผสมเบสบัตเตอร์ครีมแล้วตัวสีไม่มีความเข้นข้นมากพอ จะทำให้ต้องหยดหรือเติมสีลงไปมากจนอาจทำให้เนื้อสัมผัสของเนื้อครีมเสียหรือยากที่จะตีได้ค่ะ
สีผสมอาหารแบบเจลเป็นสีที่นิยมใช้ในการทำเบเกอรี่เป็นส่วนมาก เช่น งานพวก Sugar Paste, Flower Paste, Mexican Paste เนื่องจากสีประเภทนี้เป็นสีแบบเข้มข้น มีความเนียนของเนื้อสี ใช้เพียงนิดเดียวก็จะให้ได้สีที่ต้องการและตรงตามเนื้อสีเดิม อย่างไรก็ตาม สีเจลยังถูกแบ่งเป็นเบสน้ำ (Water Based) และเบสไขมัน (Oil Based) ซึ่งหากต้องการผสมสีในช็อกโกแลตควรเลือกใช้เบสไขมันเท่านั้น เพราะหากผสมเบสน้ำกับช็อกโกแลตจะทำให้ไม่รวมเป็นเนื้อเดียวกันนั่นเองค่ะ
สีผสมอาหารแบบเจลเป็นสีที่นิยมนำมาใช้ในการทำขนมหรือเบเกอรี่ เพราะเนื้อสีมีความเข้นข้น ใช้เพียงเล็กน้อยก็สามารถผสมเป็นเฉดสีที่ต้องการ ทำให้ Texture ของขนมไม่เปลี่ยนไปและยังคงสภาพเดิม เช่น งานน้ำตาล Sugar Paste หรือ Flower Paste ยกตัวอย่างเช่น พวกงานน้ำตาล เวลาผสมสี ถ้าเราผสมสีลงไปมาก ๆ จะทำให้เท็กเจอร์และผิวสัมผัสของตัวงานเปลี่ยนไป และทำให้ปั้นขึ้นเป็นรูปได้ยากค่ะ
สีผสมอาหารแบบเจลมีทั้งแบบเบสน้ำและน้ำมัน เวลาเลือกซื้อก็ควรเช็กให้ดีด้วย เพราะสีเจลแบบเบสน้ำ ไม่สามารถนำมาใช้กับพวกงานช็อกโกแลตเพราะไม่สามารถละลายได้ค่ะ ถ้าต้องการใช้สีเจลกับงานช็อกโกแลตควรเลือกสีเจลแบบเบสน้ำมันแทนนะคะ
โดยทั่วไปแล้ว สีผสมอาหารจะถูกจำกัดปริมาณเพื่อความปลอดภัยไว้ที่ไม่เกิน 1 mg ต่อน้ำหนักร่างกาย 1 kg ต่อ 1 วัน แต่อีกหนึ่งข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องรู้ไว้ก่อนการเลือกใช้สีผสมอาหาร คือ คุณลักษณะของสีสังเคราะห์ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีดังนี้
1. ไม่มีสารที่ทำให้เกิดพิษหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของผู้บริโภค
2. มีโครเมียม, แคดเมียม, ปรอท หรือซีลีเนียม ไม่เกิน 1 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนัก (1 ppm)
3. มีสารหนู ไม่เกิน 5 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนัก (5 ppm)
4. มีตะกั่วไม่เกิน 20 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนัก (20 ppm)
5. มีโลหะหนักชนิดต่าง ๆ นอกจากตะกั่ว รวมกันไม่เกิน 20 ส่วนในล้านส่วนโดยน้ำหนัก (20 ppm)
เราควรเลือกสีผสมอาหารที่ได้มาตรฐาน ซึ่งไม่ควรก่อให้เกิดสารพิษต่อร่างกาย และตรงตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานการใช้ ถ้าเป็นไปได้ อยากให้เลือกพิจารณาใช้สีจากธรรมชาติหรือสีอินทรีย์ แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้แล้วต้องใช้สีสังเคราะห์ก็อยากให้ตรวจสอบฉลาก อ่านรายละเอียดต่าง ๆ ให้ดี เลือกเฉพาะสีที่ได้มาตรฐานและทางการกำหนดว่าปลอดภัยค่ะ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | ราคา | คะแนน | |
---|---|---|---|---|---|
1 | Winner's สีผสมอาหารแบบน้ำ | 17 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | สีน้ำยอดนิยม คุณภาพคุ้มราคา เนื้อสีเข้มข้น ใช้ผสมได้หลากหลาย | ||
2 | Wilton สีผสมอาหาร Icing Colors Gel Food Coloring | 125 บาท ราคาค่อนข้างสูง | คุณภาพสีเข้มข้น เนื้อเจลเก็บได้นาน ให้สีสวยตรงปก ไม่เพี้ยนสี | ||
3 | ตราดาว สีผสมอาหาร แบบซอง ผงละลายน้ำ | 4 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | สีผงสุดคุ้มค่า ราคาถูก มีความเข้มข้นสูง อายุการเก็บรักษายาวนาน | ||
4 | พอปัน สีผสมอาหาร ผงผักผลไม้ ธรรมชาติ 100% | 80 บาท ราคาปานกลาง | สีผสมอาหารสำหรับอาหารคลีน ให้สีน่าทาน พร้อมเติมวิตามิน | ||
5 | Best Odour สีผสมอาหาร | 15 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | ส่วนผสมผ่านการรับรองความปลอดภัย ให้สีสวย ละลายในน้ำได้ดี | ||
6 | AmeriColor สีผสมอาหาร Soft Gel Paste | 119 บาท ราคาค่อนข้างสูง | สีคุณภาพดีจากอเมริกา เม็ดสีเข้มข้นสูง ละลายได้ทั้งในน้ำและไขมัน | ||
7 | Mom & Son Clean Cook สีผสมอาหาร สีผักผง ผสมทำขนม ธรรมชาติ | 110 บาท ราคาค่อนข้างสูง | ผงผัก 100% ให้สีตามธรรมชาติ พร้อมคุณค่าทางสารอาหาร | ||
8 | ตราหยดน้ำ สีผสมอาหารแบบซอง | 5 บาท ราคาค่อนข้างต่ำ | สีผงผ่านการรับรอง ความเข้มข้นสูง ราคาประหยัด เก็บรักษาได้นาน | ||
9 | Lustre Powder สีผสมอาหาร สีผง สีผงปัด สีประกาย | 80 บาท ราคาปานกลาง | สีผงปัดตกแต่งหน้าเค้ก หน้าขนม เนื้อสีเนียนละเอียด ใช้งานได้ทันที | ||
10 | McCormick สีผสมอาหาร ASSORTED Food Colourings | 250 บาท ราคาสูง | สีผสมอาหารไร้สารก่อภูมิแพ้ แพ็กเกจใช้งานง่าย ทานได้อย่างมั่นใจ |
สีผสมอาหารจากแบรนด์วินเนอร์ คือ หนึ่งในสียอดนิยมที่ครองใจผู้ใช้มากที่สุด เพราะมีราคาถูก มีความคุ้มค่า ที่สำคัญคือ มีความคงตัวของสี ให้สีสันเข้ม สวยงาม ไม่เจือจางมากจนเกินไป ใช้ผสมกับอาหารได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเค้ก, เบเกอรี่, ขนมปัง, คุกกี้, พาย, น้ำผลไม้, ไอศกรีม, โยเกิร์ต, ครีม, นม, แยม, เยลลี่, ลูกอม หรือแม้แต่ในการผสมทำสบู่ ครีม โลชั่น ก็ยังได้รับความนิยมเช่นกัน สำหรับสัดส่วนที่แนะนำ ควรผสมในสัดส่วน 0.1 - 0.2 % ของน้ำหนักส่วนผสมโดยรวมค่ะ
ใครที่ชื่นชอบการแต่งแต้มสีสันของเบเกอรี่ สีผสมอาหารของ Wilton ที่นำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาชุดนี้จะต้องตอบโจทย์คุณอย่างแน่นอน เพราะเนื้อสีมีความเข้มข้นสูงมาก เพียงแค่ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มสีและป้ายลงครีมหรือเนื้อเค้กที่ต้องการผสมก็จะช่วยให้คุณได้สีที่ตรงความต้องการแล้ว แถมทางแบรนด์ยังมีให้เลือกถึง 25 เฉดสี ทั้งนี้ เจลชุดนี้เป็นสีประเภท Water Based จึงเหมาะสำหรับอาหารคาว อาหารหวาน เบเกอรี่หรือไอศกรีมทั่วไปที่ไม่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตหรือน้ำมันค่ะ
สีผสมอาหารของตราดาวนั้นถือเป็นอีกหนึ่งในสีผสมอาหารที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน แถมยังได้รับการรับรองความปลอดภัยและเป็นผลิตภัณฑ์ฮาลาลอีกด้วย ส่วนในเรื่องของคุณภาพต้องบอกเลยว่าเป็นผงสีที่มีความเข้มข้นสูงมาก เพราะมีอัตราส่วนในการผสมน้อยมาก ตามที่แนะนำคือใช้ผงสีเพียง 1 g ต่อน้ำ 100 ml เท่านั้น โดยผงสีสามารถผสมและละลายน้ำได้ทันที ทั้งยังถูกบรรจุมาในซองขนาดเล็กอย่างแน่นหนา ช่วยให้เก็บรักษาได้ง่าย และเก็บได้นานถึง 3 ปีกันเลยทีเดียว
มาที่ผงสีผสมอาหารที่ได้จากธรรมชาติกันบ้างค่ะ สำหรับผงสีจากแบรนด์พอปันนี้ เป็นทางเลือกสุขภาพและเป็นสีผสมอาหารยอดนิยมของสายคลีนหลายคน โดยเป็นผงสีที่ได้มาจากธรรมชาติ 100% ผ่านกระบวนการคงสีคงกลิ่นและคงสารอาหารของวัตถุดิบไว้ ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ทั้งหมดเป็นผักผลไม้ปลอดสารพิษและบางชนิดยังเป็นผักผลไม้ออร์แกนิค ไม่แต่งสี ไม่แต่งกลิ่นอีกด้วย ที่สำคัญคือ มีความปลอดภัยอย่างยิ่งเพราะไม่มีสารกันบูดหรือเจือปนสารเคมีใด ๆ ใช้ได้ทั้งในอาหารคลีน การผสมทำขนมหรือเบเกอรี่และผสมในเครื่องดื่มเลยค่ะ
หากจะพูดถึงส่วนผสมปรุงแต่งอาหาร แบรนด์ Best Odour ก็คงจะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตที่หลายคนนึกถึงแน่นอน โดยสีแบบน้ำนี้ได้รับการรับรองความปลอดภัยทั้ง อย.และฮาลาล เนื้อสีมีความสวยงาม มีให้เลือกหลายเฉด ละลายน้ำได้ดี เหมาะสำหรับการผสมอาหารประเภทเค้ก, ไอศรีม, ลูกกวาด, ขนมหวานและเครื่องดื่ม ในสัดส่วนที่ไม่เกิน 0.35 ml ต่อส่วนผสม 1 kg โดยถึงแม้จะเป็นสีผสมอาหารแบบน้ำก็ยังมีอายุการเก็บรักษามากกว่า 12 เดือนเลยทีเดียวค่ะ
สำหรับแบรนด์ AmeriColor คือ สีผสมอาหารคุณภาพดีนำเข้าจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ได้รับความนิยมในการทำเบเกอรี่ประเภท Sugar Paste ครีมและน้ำตาลปั้น เพราะมีความคุ้มค่า เนื้อเจลมีความเข้มข้นของเม็ดสีสูงมาก แต่ไม่ทำให้รสชาติและกลิ่นของขนมเปลี่ยน ให้เนื้อสีที่สวยงาม ใช้เพียงปลายพู่กันหรือไม้จิ้มฟันจิ้มก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดสีที่ต้องการแล้วค่ะ แถมยังใช้ได้กับ Water Based และ Oil Based นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ยังถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการบีบใช้ พร้อมกับฝาปิดด้านบนเพื่อให้ใช้หยดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
มาเติมสีสันให้อาหารของคุณไปพร้อมกับการได้รับคุณค่าทางสารอาหาร จากสีผสมอาหารผงผักของแบรนด์นี้กันค่ะ สำหรับจุดเด่นของชิ้นนี้คือ ทำมาจากผัก 100% ไม่มีการผสมแป้ง น้ำตาล สารเคมี หรือสารทำละลายใด ๆ ดังนั้น เมื่อละลายผงสีแล้วก็จะมีตะกอนที่เป็นเนื้อผักเจือปนอยู่เล็กน้อย แต่ก็นับเป็นทางเลือกสุขภาพที่ปลอดภัยอย่างยิ่ง แถมยังได้สีที่ได้เป็นสีตามธรรมชาติของผักชนิดนั้นจริง ๆ เหมาะสำหรับการผสมทำทำขนมไทย วุ้นแฟนซี เบเกอรี่ อาหารต่าง ๆ หรือจะผสมชงเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพก็ได้เช่นกัน
สีผสมอาหารตราหยดน้ำถือเป็นอีกหนึ่งในสีผสมอาหารแบบผงที่หาได้ง่ายและพบได้มากที่สุดอีกแบรนด์หนึ่งในตลาดค่ะ เนื่องจากมีราคาถูกและเนื้อสีมีความเข้มข้นสูงมาก เป็นสารสังเคราะห์ที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบและรับรองอย่างถูกต้อง มีอายุการเก็บรักษานานถึง 12 เดือน โดยก่อนการใช้ต้องทำการละลายน้ำก่อนระยะหนึ่งจึงจะผสมลงในส่วนผสมที่เตรียมไว้ ทั้งนี้สี 1 ซอง สามารถละลายทำเป็นสีน้ำได้ประมาณ 30 - 50 ml
สำหรับสีผสมอาหารนอกจากจะนำมาผสมในส่วนผสมแล้ว เรายังสามารถนำมาปัดแต่งเติมสีสันให้กับขนมต่าง ๆ ได้อีกด้วย อย่างสีผงปัดทานของแบรนด์นี้ที่ถูกออกแบบมาเพื่อแต่งน้ำตาลฟองดองหรือน้ำตาลปั้นคลุมเค้ก หรือครีมตกแต่งต่าง ๆ เนื้อผงสีมีความเนียนละเอียดจึงสามารถใช้ปัดได้เลยโดยไม่ต้องผสมเพิ่ม มีให้เลือกถึง 12 สี ตั้งแต่สีพื้นจนถึงสีประกาย ได้แก่ สีชมพู, สีฟ้า, สีเขียว, สีม่วง, สีเขียวอมฟ้า, สีแดง, สีแดงกุหลาบ, สีบรอนซ์น้ำตาลทอง, กากเพชร, กลิตเตอร์, สีทอง และสีเงิน
สีผสมอาหารสัญชาติอังกฤษรุ่นนี้เป็นสีที่ผ่านการทดสอบความเสถียรของสี ไม่มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตรายหรือสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งใน 1 กล่องจะมี 4 สี เป็นสีพื้นฐานคือ สีแดง สีเหลือง สีเขียว และสีน้ำเงิน สามารถใช้ผสมเพื่อสร้างสีสันในอาหารโดยไม่ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยนไป หรือจะใช้สำหรับทำกิจกรรมศิลปะ ฝึกทักษะของเด็ก ๆ ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ สียังถูกบรรจุลงในขวดที่ถูกออกแบบมาให้สีไหลออกมาทีละหยด จึงใช้งานง่าย เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปค่ะ
พูดถึงสีผสมอาหารแล้ว หลาย ๆ คนก็อาจจะรู้สึกว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม เป็นอันตรายต่อร่างกาย จนทำให้เกิดข้อสงสัยและคำถามต่าง ๆ มากมาย ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันค่ะ
ก่อนจะเลือกใช้สีผสมอาหารมาประกอบอาหารหรือขนม เราควรเข้าใจคุณลักษณะของสีที่เราต้องการเลือกมาใช้ก่อนเพื่อให้ได้สีสันที่สวยงามและตรงตามความต้องการ ยกตัวอย่างเช่น การเลือกใช้สีจากดอกอัญชัญ ตัวดอกอัญชัญถ้านำมาคั้นกับน้ำเปล่าจะให้สีน้ำเงิน แต่เนื่องจากตัวดอกอัญชัญมีสารแอนโทไซยานินและมีสภาวะเป็นด่าง หากบีบน้ำมะนาวลงไปทำให้เป็นสภาวะเป็นกรดพร้อมกับให้สีน้ำเงินอมม่วง
ถ้าต้องการผสมช็อกโกแลตให้มีสีสันน่ารับประทาน ก็ควรจะเลือกสีแบบเบสน้ำมัน เพราะสีสามารถละลายได้ในช็อกโกแลต ขณะเดียวกันถ้าไปเลือกสีที่เป็นเบสน้ำ ตัวสีกับช็อกโกแลตก็จะไม่สามารถละลายเข้ากันและให้เฉดสีที่สวยงามได้ค่ะ
อาจกล่าวได้ว่าสีผสมอาหารคือ วิวัฒนาการอย่างหนึ่งที่ใช้เพื่อการปรุงแต่งอาหารให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อได้ชื่อว่าเป็นสารปรุงแต่งแล้ว หากนำไปใช้ในปริมาณที่ไม่ถูกต้องก็อาจจะกลายเป็นโทษต่อร่างกายได้ ดังนั้น เราทุกคนจึงจำเป็นจะต้องทำความเข้าใจและเลือกซื้อสีผสมอาหารมาใช้อย่างรอบคอบเสียก่อน เพื่อสร้างความปลอดภัยในการบริโภคให้ได้มากที่สุดนั่นเองค่ะ
อันดับที่ 1: Winner's|สีผสมอาหารแบบน้ำ
อันดับที่ 2: Wilton|สีผสมอาหาร Icing Colors Gel Food Coloring
อันดับที่ 3: ตราดาว|สีผสมอาหาร แบบซอง ผงละลายน้ำ
อันดับที่ 4: พอปัน|สีผสมอาหาร ผงผักผลไม้ ธรรมชาติ 100%
อันดับที่ 5: Best Odour|สีผสมอาหาร
คลิกที่นี่สำหรับการจัดอันดับคำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ