ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ
กองทุนเป็นทางเลือกสำหรับการออมเงินเอาไว้ใช้ยามจำเป็นประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยแต่ละกองทุนจะมีการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์และธุรกิจที่แตกต่างกันไป ซึ่งหนึ่งในประเภทกองทุนที่น่าจับตามองในขณะนี้ก็คือ "กองทุนยุโรป" เพราะธุรกิจต่าง ๆ ในทวีปยุโรปกำลังเติบโตไปในทิศทางที่ดี และมีผลการดำเนินการโดดเด่น รวมทั้งยังมีการนำเข้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้อยู่ตลอดเวลา
จากเหตุผลที่กล่าวไปข้างต้น จึงทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศให้ความสนใจกับกองทุนประเภทนี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นหากใครที่กำลังพิจารณาที่จะลงทุนในกองทุนยุโรปอยู่ ในบทความนี้เรามีวิธีการเลือกกองทุนยุโรปมาแบ่งปันให้ทุกคนได้ศึกษา พร้อมคำแนะนำจากนักวางแผนการเงินโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมี 10 อันดับ กองทุนยุโรปที่น่าสนใจมาฝากให้ทุกคนได้ใช้เป็นตัวเลือกประกอบการตัดสินใจด้วยครับ
คุณปอยเรียนจบปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจ จาก Assumption University และปริญญาโทจาก Northumbria University สาขา Design Management จากประเทศอังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานคุณปอยเริ่มมีความสนใจเกี่ยวกับการเงิน การวางแผนภาษี รวมไปถึงการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมและประกันชีวิต จึงเริ่มศึกษาหาประสบการณ์ด้านนี้โดยตรงผ่านการเรียนคอร์สต่าง ๆ และเข้าอบรม รวมทั้งสั่งสมประสบการณ์ในการทำงานเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพอิสระมามากว่า 4 ปี ปัจจุบันคุณปอยมีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำการลงทุนในประเทศไทยและมีลูกค้าภายใต้การดูแลไม่ต่ำกว่า 50 คน สำหรับประเภทของแผนการเงินที่คุณปอยมีความชำนาญเป็นพิเศษ ได้แก่ แผนการออมเพื่อการเกษียณอายุ แผนการออมเพื่อการลดหย่อนภาษี แผนการออมเพื่อการศึกษาบุตรและแผนการเงินเพื่อการส่งต่อมรดก
มายเบสท์ เว็บไซต์แนะนำสินค้าที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 4 ล้านคนต่อเดือน หัวใจของภารกิจของเราคือ ความมุ่งมั่นที่จะให้คำแนะนำที่น่าเชื่อถือได้ เราได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญในหมวดหมู่สินค้าที่หลากหลาย การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่เรียบง่าย เพื่อสร้างแพลตฟอร์มที่ผู้บริโภคสามารถค้นหาคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือได้ และใช้งานได้จริง เราเข้าใจดีว่า การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคมีความต้องการที่แตกต่างกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เราทุ่มเทในการนำเสนอคำแนะนำที่ชัดเจน กระชับ มีการวิจัยมาเป็นอย่างดี และตรวจสอบความถูกต้องโดยผู้เชี่ยวชาญ ทีมงานของเราประกอบด้วยบรรณาธิการและผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในหมวดหมู่ต่าง ๆ เจาะลึกลงไปในผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท นำเสนอข้อมูลเชิงลึก เราเชื่อในพลังของวิธีการเลือกสินค้าที่มีข้อมูลครบถ้วน เราเป็นมากกว่าเว็บไซต์ เราเป็นชุมชนของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพในการค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยทำให้โลกของการช้อปปิ้งออนไลน์เป็นประสบการณ์ที่ง่ายและสนุกสนานยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเฉพาะ "วิธีการเลือก" เท่านั้น สินค้าและบริการที่ปรากฏอยู่ในบทความไม่ได้ถูกเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญ
สารบัญ
การลงทุนทุกรูปแบบล้วนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น รวมถึงในกองทุน โดยแต่ละบริษัทหลักทรัพย์จะมีกองทุนยุโรปให้เลือกแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลวิธีการเลือกกองทุนและข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนแต่ละกองให้ละเอียดก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
ประเภทของกองทุนเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะกองทุนแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งจะส่งผลต่อวิธีการลงทุนและเป้าหมายของนักลงทุนแต่ละคน โดยกองทุนยุโรปสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ประเภท Passive และ Active
กองทุนประเภทแรกที่เราจะพูดถึงในบทความนี้คือ กองทุนประเภท Passive Fund หรือที่รู้จักกันในชื่อ Index Fund โดยจะลงทุนสอดคล้องไปกับเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับค่าดัชนีมากที่สุด นอกจากนี้ กองทุนแบบ Passive ก็จะมีค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนที่ถูกกว่าแบบ Active ทำให้หากเป็นการลงทุนระยะยาว (5 - 10 ปีขึ้นไป) อาจจะมีความคุ้มค่ามากกว่ากองทุนแบบ Active ครับ
ข้อดีของกองทุนประเภทนี้คือ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีงบประมาณที่จำกัด เพราะค่าใช้จ่ายในการบริหารค่อนข้างน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกองทุนอีกประเภท นอกจากนี้ ยังเหมาะกับนักลงทุนที่ลงทุนโดยเน้นผลตอบแทนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกองทุนประเภทนี้เน้นผลตอบแทนตามค่าดัชนีเท่านั้น จึงไม่เหมาะกับนักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนจำนวนมากในระยะเวลาสั้น ๆ
กองทุนอีกประเภทหนึ่งได้แก่ กองทุนประเภท Active Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นได้ผลตอบแทนสูงกว่าค่าเกณฑ์มาตรฐาน (Benchmark) จึงทำให้ผู้จัดการกองทุนแต่ละกองจะต้องคัดเลือกสินทรัพย์ที่ดีที่สุดเข้าไปไว้ในกองทุนของตนเอง โดยกองทุนประเภทนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น ๆ และสามารถปรับพอร์ตการลงทุนของตนเองตามสภาพเศรษฐกิจได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ การวิเคราะห์การลงทุนในกองทุนนี้มี 2 แบบ คือ แบบ Top-Down ซึ่งจะพิจารณาจากเศรษฐกิจโดยรวมก่อน และแบบ Bottom-Up ซึ่งจะพิจารณาจากสินทรัพย์ที่เลือกเข้ากองทุนก่อนนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่ากองทุนประเภทนี้มีโอกาสสร้างผลกำไรที่สูงกว่าแบบ Passive แต่ก็แน่นอนว่าอาจมีโอกาสขาดทุนที่สูงกว่าด้วยเช่นกัน ที่สำคัญ กองทุนแบบ Active จะมีค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนที่สูงกว่าครับ
แน่นอนว่าการลงทุนทุกประเภทมีจุดประสงค์เพื่อได้ผลตอบแทนที่แต่ละบริษัทหลักทรัพย์ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ดังนั้นการเลือกลงทุนในกองทุนใดกองทุนหนึ่ง จะต้องคำนึงถึงผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุนนั้น โดยสำหรับกองทุนยุโรป คุณสามารถตรวจสอบผลการดำเนินการย้อนหลังได้จากหนังสือชี้ชวนการลงทุนของบริษัทเจ้าของกองทุน (Fund Fact Sheet) นอกจากผลการดำเนินการแล้ว บางกองทุนยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีเงื่อนไขในการจ่ายปันผลที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้ปัจจัยด้านเงินปันผลมาประกอบการพิจารณาได้เช่นกันครับ
โดยปกติแล้วการลงทุนในกองทุนยุโรปสามารถแบ่งออกเป็น 3 สไตล์ ซึ่งแต่ละสไตล์จะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีจุดเด่นและมีระดับความเสี่ยงแตกต่างกัน
การลงทุนในต่างประเทศนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงเพราะนักลงทุนอาจจะเข้าถึงข้อมูลได้ช้า และการทำรายการซื้อ-ขายกองทุนรวมต่างประเทศจะใช้เวลาในการดำเนินการนานกว่ากองทุนรวมในประเทศ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน ผู้ลงทุนก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลให้ดี และอย่าลืมทำแบบประเมินความเสี่ยงก่อน เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจะเหมาะกับกองทุนประเภทนี้หรือเปล่านั่นเองครับ
สินค้า | รูปภาพ | ราคาต่ำสุด | คะแนน | |
---|---|---|---|---|
Kasikorn Asset Management กองทุนยุโรป K-EUROPE | มีนโยบายจ่ายปันผล ธุรกิจเทคโนโลยีในประเทศเศรษฐกิจที่สำคัญ | |||
Krungsri Asset Management กองทุนยุโรป KF-EUROPE | ลงทุนในธุรกิจไอทีและอุตสาหกรรม สำหรับนักลงทุนที่เน้นทำกำไร | |||
Krungthai Asset Management กองทุนยุโรป KT-EURO | ธุรกิจขนาดเล็ก สไตล์ Flexible ทั้งเพื่อการเติบโตและความมั่นคง | |||
Kasikorn Asset Management กองทุนยุโรป K-EUSMALL | หน่วยลงทุนตราสารทุน เพื่อคนที่สนใจหุ้นขนาดเล็ก ผลตอบแทนสูง | |||
Aberdeen Standard Investment กองทุนยุโรป ABEG | บริษัทหลักทรัพย์น่าเชื่อถือ ลงทุนในธุรกิจที่สามารถเติบโตต่อเนื่อง | |||
Tisco Asset Management กองทุนยุโรป TISCOEU | มุ่งหวังผลตอบแทนระยะยาว เลือกลงทุนในตราสารทุน มีความมั่นคง | |||
บลจ. ไทยพาณิชย์ กองทุนยุโรป SCBEUEQ | กองทุน Passive ธุรกิจการเงิน ธนาคาร สำหรับนักลงทุนระยะยาว | |||
We Asset กองทุนยุโรป WE-EUROPE | ผลตอบแทนโดดเด่น แบ่งการลงทุนแบบสร้างกำไรและความมั่นคง | |||
UOB Asset Management กองทุนยุโรป EHD | การลงทุนแบบ Quality มีความมั่นคง รับความผันผวนของราคาได้ดี | |||
Tisco Asset Management กองทุนยุโรป TEURMF | กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ลงทุนเพื่อออมเงินเอาไว้หลังเกษียณ |
กองทุนยุโรปที่มีผลการดำเนินการย้อนหลังโดดเด่นและมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ลงทุนได้แก่ กองทุน K-EUROPE จากธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเน้นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในประเทศเศรษฐกิจของโลก เช่น เยอรมนี, เดนมาร์ก, สวีเดน และฝรั่งเศส โดยมีกองทุน Allianz Europe Equity Growth และ Class AT-EUR เป็นกองทุนหลักและสไตล์การลงทุนของกองทุนนี้เป็นแบบ Growth ดังนั้นหุ้นและสินทรัพย์อื่น ๆ ในกองทุนนี้ล้วนมีศักยภาพการเติบโตสูงในอนาคต
ธุรกิจด้านไอทีเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนของธนาคารกรุงศรีอยุธยาจึงได้เปิดกองทุน KF-EUROPE ที่จะเข้าไปลงทุนในกองทุนรวม Allianz Europe Equity Growth ซึ่งจะเน้นไปที่หุ้นธุรกิจด้านไอทีและอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยกองทุนนี้จัดอยู่ในประเภท Active Fund จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่เน้นทำกำไรและสามารถปรับวิธีการลงทุนได้ตามความผันผวนของเศรษฐกิจ
นักลงทุนทั่วไปที่อาจยังไม่มีความเชี่ยวชาญในการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามความผันผวนของเศรษฐกิจมากนัก มักให้ความสนใจกองทุน KT-EURO ซึ่งเป็นกองทุนสไตล์ Flexible ที่จัดสรรการลงทุนในสินทรัพย์ที่เน้นการเติบโตและเน้นความมั่นคง โดยกองทุนหลักที่เข้าไปลงทุนได้แก่ กองทุน Invesco Continental European Small Cap Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กในประเทศยุโรป ยกเว้นสหราชอาณาจักร นอกจากนี้กองทุน KT-EURO ยังลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้อื่น ๆ อีกด้วย
K-EUSMALL เป็นกองทุนประเภท Active Fund ที่เข้าไปลงทุนในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก โดยจะเน้นด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีเป็นหลัก และจะมีการจัดสรรการลงทุนทั้งในธุรกิจที่เน้นการเติบโตและธุรกิจที่เน้นผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งหน่วยลงทุนหลักของกองทุนนี้คือตราสารทุน และเป็นหน่วยลงทุนที่อยู่ในกลุ่มกองทุน Invesco Continental European Small Cap Equity Fund ดังนั้นถ้าหากคุณกำลังสนใจการเติบโตของหุ้นจากบริษัทขนาดเล็ก กองทุน K-EUSMALL ถือเป็นกองทุนที่เหมาะสมอย่างยิ่ง
Aberdeen Standard Investment ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทหลักทรัพย์ที่มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือในด้านการบริหารสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยกองทุนยุโรป ABEG เป็นกองทุนแบบ Active Fund ที่เน้นทำกำไรสูงกว่าค่าดัชนี ซึ่งทางกองทุนจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยี การแพทย์ และสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เพราะทั้ง 3 ธุรกิจนี้กำลังเติบโตได้ดีในสถานการณ์เศรษฐกิจของปี 2021 นอกจากนี้ประเทศที่กองทุนให้ความสนใจเป็นประเทศที่ถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจรายใหญ่ของโลก เช่น สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และเยอรมนี
บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ได้เล็งเห็นศักยภาพการเติบโตของธุรกิจในทวีปยุโรป จึงมีการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน TISCOEU ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Passive Fund ที่จะคัดเลือกธุรกิจด้านการเงินและอุตสาหกรรมและลงทุนในตราสารทุน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างผลประกอบการที่ใกล้เคียงกับดัชนี EURO STOXX 50 ดังนั้นกองทุนนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่สามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมายที่จะได้ผลตอบแทนในระยะยาวเป็นส่วนใหญ่
ธุรกิจด้านการเงินและการธนาคารจัดเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง ดังนั้นกองทุน SCBEUEQ จึงจัดสรรเงินลงทุนส่วนใหญ่ไปที่กลุ่มธุรกิจนี้ และเงินลงทุนส่วนที่เหลือจะจัดสรรไปที่ธุรกิจอุตสาหกรรมและการแพทย์ โดยหน่วยลงทุนหลักของกองทุนนี้มาจากกองทุน iShares STOXX Europe 600 ซึ่งเป็นกองทุนที่ซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ออนไลน์จากประเทศเยอรมนี นอกจากนี้กองทุนนี้จัดอยู่ในกลุ่มกองทุนประเภท Passive จึงเหมาะกับคนที่สามารถลงทุนในระยะยาวได้อย่างน้อย 5 ปี
กองทุนน้องใหม่ที่มีผลการดำเนินการโดดเด่นไม่แพ้กองทุนอื่น ๆ ต้องยกให้กองทุน WE-EUROPE เลยครับ โดยกองทุนนี้จัดอยู่ในประเภท Active Fund สไตล์ Flexible ที่เข้าไปลงทุนใน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุน Berenberg European Focus Fund (70%) ที่มีจุดประสงค์ทำกำไรสูงกว่าดัชนี ซึ่งธุรกิจในกองทุนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นด้านเทคโนโลยีการรับและสื่อสารข้อมูล และกองทุน Janus Henderson (30%) ที่จะมุ่งลงทุนระยะยาวในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักร
ถึงแม้ว่าหลายคนอาจไม่คุ้นชื่อกองทุน EHD เท่าใดนัก แต่กองทุนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่น่าสนใจ เพราะมีสไตล์การลงทุนเป็นแบบ Quality ที่เน้นลงทุนในธุรกิจที่มีความมั่นคงและมีกระแสเงินสูง จึงทำให้สินทรัพย์ที่อยู่ในกองทุนสามารถทนต่อการผันผวนของเศรษฐกิจได้ค่อนข้างดี โดยหน่วยลงทุนหลักของกองทุนนี้จะอยู่ในกลุ่ม Euro High Dividend ซึ่งประกอบไปด้วยธุรกิจการเงินถึง 20% จึงมีความเป็นไปได้สูงว่ากองทุนนี้จะสามารถทนต่อการปรับราคาขึ้นลงในตลาดลงทุนได้
ถ้าหากคุณกำลังวางแผนออมเงินเอาไว้ใช้หลังเกษียณ เราขอแนะนำกองทุน TEURMF เลยครับ เพราะกองทุนนี้จัดอยู่ในหมวดกองทุน RMF หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยจะลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ธุรกิจการเงิน เทคโนโลยี และการแพทย์ ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับค่าดัชนี STOXX 600 ดังนั้นจึงเหมาะกับคนที่หวังกำไรในระยะยาวและควรมีอายุต่ำกว่า 55 ปี เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากกองทุนนี้ครับ
สำหรับการลงกองทุนต่างประเทศนั้น นักลงทุนมือใหม่หลายคนอาจจะไม่มั่นใจและเกิดคำถามต่าง ๆ อยู่บ้าง ในวันนี้ เราจึงมีคำตอบและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกันครับ
- Growth : เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตหรือเทคโนโลยีเป็นหลัก หากต้องการลงทุนในกลุ่มนี้ก็ควรที่จะมีการบริหารความเสี่ยงให้ดี
- Quality : เน้นลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพ เช่น บริษัทที่มีสภาพคล่องสูง ไม่อ่อนไหวต่อสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งปัจจุบันหุ้นในกลุ่มนี้จะค่อนข้างมีน้อย
- Flexible : เหมาะกับนักลงทุนทั่วไป ที่ไม่ต้องการเลือกสไตล์การลงทุนของกองทุน เพราะว่ากองทุนประเภทนี้จะมีมีนโยบายทั้งรับและรุกอยู่ในกองทุนเดียวกัน
กองทุนยุโรปเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเสริมทัพให้กับพอร์ตเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้สูงขึ้น และยอมรับกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้ครับ
ตลาดยุโรปในช่วงปีที่ผ่านมาจัดว่าอยู่ในช่วงเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันก็มีธุรกิจที่น่าจับตามองค่อนข้างเยอะ ทั้งในกลุ่มของ Healthcare & Life Science และ Information Technology ก็กำลังมาแรงเช่นกันครับ
ในตลาดการลงทุนปัจจุบัน กองทุนยุโรปถือเป็นกองทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้โดดเด่นมากเมื่อเทียบกับกองทุนในภูมิภาคอื่น ๆ ดังนั้นหลายคนจึงหันมาลงทุนในกองทุนกลุ่มนี้มากขึ้น ซึ่งการเลือกกองทุนที่เหมาะสมจะต้องพิจารณาจากประเภทของกองทุนและสไตล์การลงทุน รวมถึงระดับความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ อย่างไรก็ตามก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง คุณควรศึกษารายละเอียดของกองทุนแต่ละกองให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยสามารถดูได้จากหนังสือชี้ชวนการลงทุนของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ครับ
คำบรรยายสินค้าแต่ละรายการอ้างอิงจากเนื้อหาที่แสดงในเว็บไซต์ผู้ผลิต แบรนด์ และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ความงาม, ของใช้ส่วนตัว
วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือและอุปกรณ์ช่าง
สวนและอุปกรณ์ในสวน
โน้ตบุ๊ก, PC, อุปกรณ์ไอที
ของใช้ในบ้าน, อุปกรณ์ในบ้าน
เครื่องใช้ไฟฟ้า
กล้อง
เครื่องสำอาง, สกินแคร์
สุขภาพ
อาหาร, เครื่องดื่ม
เครื่องใช้ในครัว
แฟชั่น
รองเท้า
นาฬิกา, เครื่องประดับ
แม่และเด็ก
เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน
งานอดิเรก
กิจกรรมกลางแจ้ง
DIY, เครื่องเขียน, อุปกรณ์สำนักงาน
กีฬา
สัตว์เลี้ยง
หนังสือ
เกม
รถยนต์, รถจักรยานยนต์, อุปกรณ์เสริม
ของขวัญ, ของฝาก
ท่องเที่ยว
สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, อุปกรณ์เสริม
เครือข่ายมือถือ
การลงทุน
เครดิตการ์ด, สินเชื่อ, ประกัน
ดนตรี, เครื่องเสียง
แอปพลิเคชัน, โปรแกรม
บริการ