10 อันดับ สายอูคูเลเล่ ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 สายนิ่ม เล่นง่าย พร้อมวิธีตั้งสาย

แม้ว่าสายอูคูเลเล่จะเป็นเพียงสายเส้นเล็ก ๆ ไม่กี่เส้น แต่สายนี้มีความสำคัญในการเปล่งเสียงออกมาเป็นอย่างมาก หากคุณเลือกใช้สายอูคูเลเล่ที่ไม่มีคุณภาพ แม้ว่าคุณจะฝึกฝนและเล่นได้ดีแค่ไหน บทเพลงที่ออกมาก็อาจจะขาดความไพเราะได้ครับ

หากสังเกตเพียงแค่ผิวเผิน สายอูคูเลเล่อาจจะดูแทบไม่ต่างกันเลย ที่เห็นได้ชัดที่สุดนั้นจะมีแค่สีที่ดูต่างกันเท่านั้น ซึ่งสีของสายไม่ส่งผลต่อการเล่นอูคูเลเล่เลย ส่วนที่ส่งผลต่อการเล่นรวมไปถึงเสียงของอูคูเลเล่ก็คือวัสดุที่ใช้ในการผลิตสายครับ ในปัจจุบันสายของอูคูเลเล่มีการแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามชนิดของวัสดุ ดังนี้

• สายไนลอน (Nylon) จะเป็นสายที่พบเห็นกันได้บ่อยในปัจจุบัน มีการผลิตออกมาหลายยี่ห้อ เพราะเป็นสายที่ให้เสียงได้ใกล้เคียงกับเสียงของอูคูเลเล่ในยุคเริ่มแรกมากที่สุด มีความทนทานต่อความชื้น แต่การใช้งานสายประเภทนี้ หากอุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงก็อาจจะมีส่วนที่ทำให้เสียงเกิดการเพี้ยนไปบ้างครับ

• สายฟลูออโรคาร์บอน (Fluorocarbon) นิยมนำมาใช้งานในปัจจุบันไม่แพ้สายไนลอน หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยว่าสายฟลูออโรคาร์บอนถูกนำมาใช้ในการตกปลาอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อนำมาใช้งานร่วมกับอูคูเลเล่ เสียงที่ออกมาจะมีความกังวาน ใส และนุ่มนวลกว่าสายไนลอน อีกทั้งยังทนทานต่ออุณหภูมิมากกว่า เพียงแต่สายประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก ทำให้เสียงที่ออกมาจะเบากว่าการใช้สายประเภทอื่น ๆ ครับ

• สายกัท (Gut) เป็นสายอูคูเลเล่ที่ใช้งานกันในยุคเริ่มแรก ปัจจุบันมีการนำมาใช้งานค่อนข้างน้อย สายประเภทนี้จะมีการนำชิ้นส่วนจากธรรมชาติอย่างเช่นไส้ของสัตว์มาใช้ในการผลิต ให้เสียงที่ไพเราะ แต่ไม่ทนทานเท่าสายประเภทอื่น ๆ ครับ

• สายเวิร์น (Wound) มักจะถูกนำมาเป็นส่วนหนึ่งของสายประเภทอื่น ๆ คือมีการใช้วัสดุตามประเภทของสายที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ แต่จะมีการนำโลหะมาพันไว้ สายประเภทนี้จะโดดเด่นในเรื่องของเสียงสูงและเสียงต่ำ อีกทั้งยังให้เสียงที่คมและแม่นยำอีกด้วยครับ

อูคูเลเล่เป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ดีด จะใช้นิ้วหรือใช้ปิ้กในการดีดก็ได้ ดังนั้นสายอูคูเลเล่ที่ดีควรเป็นสายที่มีความนิ่มและยืดหยุ่นสูง คุณสมบัตินี้จะช่วยในเรื่องของการสั่นสะเทือนเพื่อให้เกิดเสียงได้เป็นอย่างดี หากสายอูคูเลเล่ที่นำมาใช้งานขาดความยืดหยุ่นก็มีโอกาสที่จะทำให้เสียงที่ออกมาเพี้ยนได้ นอกจากนี้สายอูคูเลเล่ที่แข็งจนเกินไป เมื่อนำดีดเป็นเวลานานจะทำให้ผู้เล่นรู้สึกเจ็บนิ้วได้ด้วย เพื่อให้เสียงที่ออกมาดีและคุณไม่เจ็บนิ้ว คุณควรเลือกสายอูคูเลเล่ที่นิ่มและยืดหยุ่นมาใช้งานครับ

หากคุณเป็นผู้ที่คุ้นเคยกับเครื่องดนตรีอย่างอูคูเลเล่ คุณจะทราบดีว่าอูคูเลเล่เป็นเครื่องดนตรีที่มีหลายขนาดและยังมีการแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ อีกด้วย สายที่นำมาใช้จึงต้องเป็นสายที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับประเภทและขนาดของอูคูเลเล่เท่านั้น หากสายที่นำมาใช้มีขนาดที่ไม่เหมาะสมจะทำให้ตั้งสายได้ลำบาก อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะทำให้สายขาดเมื่อนำมาดีดด้วย เพื่อความคุ้มค่าและเป็นการนำสายอูคูเลเล่มาใช้ประโยชน์สูงสุด คุณจะต้องพิจารณาในเรื่องนี้ด้วยนะครับ

TOP 5 แนะนำสายอูคูเลเล่ ได้แก่ :

• D'Addario - สายอูคูเลเล่ รุ่น EJ65s
  
• Olympia - สายอูคูเลเล่ รุ่น UKS-100
  
• Orphee - สายอูคูเลเล่ รุ่น KX80
  
• SHENG - สายอูคูเลเล่
  
• STAGG - สายอูคูเลเล่ รุ่น UK-2841-NY
  

ตรวจสอบสายอูคูเลเล่เพิ่มเติมได้จากตารางเปรียบเทียบด้านล่าง

หลังจากที่คุณพอจะทราบวิธีการเลือกสายอูคูเลเล่มาใช้งานกันในระดับหนึ่งแล้ว ในหัวข้อถัดไป เรามาดูกันครับว่า 10 อันดับ สายอูคูเลเล่ ที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้จะมีสายรุ่นไหนบ้าง และสายแต่ละรุ่นจะช่วยถ่ายทอดบทเพลงให้ออกมาไพเราะได้แค่ไหน มาดูไปพร้อม ๆ กันเลยครับ

เมื่อคุณมีอูคูเลเล่และสายอูคูเลเล่พร้อมแล้ว อีกหนึ่งกระบวนการสำคัญก็คือการตั้งสายครับ กระบวนการนี้คุณสามารถให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีเป็นคนจัดการให้ได้ แต่ถ้าหากคุณต้องการฝึกการตั้งสายเอง ก็สามารถมาทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้ได้เลยครับ

การตั้งสายนั้น ผู้ตั้งสายต้องเข้าใจในสายอูคูเลเล่แต่ละเส้นก่อนถึงแม้ว่าอูคูเลเล่จะเป็นเครื่องดนตรีที่มีเพียง 4 สายก็ตาม แน่นอนว่าคุณต้องตั้งสายให้สอดคล้องกับการใช้มือข้างที่ถนัดของคุณด้วยครับ โดยสายอูคูเลเล่ทั้ง 4 เส้นจะมีเสียงในแบบโซปราโนและเทเนอร์ เรียงตามโน้ต G, C, E และ A ซึ่ง G จะเป็นเสียงที่ต่ำที่สุด โน้ตอื่น ๆ จะไล่ระดับเสียงมาตามลำดับ 

การขึงสายอูคูเลเล่นั้น จะต้องหันเฟรตบอร์ดให้ชี้ขึ้นด้านบน และต้องขึงสายตามตำแหน่งของลูกบิด ดังนี้

• ลูกบิดด้านล่างซ้ายมือ ไว้สำหรับจูนสาย G
• ลูกบิดด้านบนซ้ายมือ ไว้สำหรับจูนสาย C
• ลูกบิดด้านบนขวามือ ไว้สำหรับจูนสาย E
• ลูกบิดด้านล่างขวามือ ไว้สำหรับจูนสาย A

เมื่อขึงสายเรียบร้อยให้ทำการหมุนลูกบิด การหมุนลูกบิดนั้นจะมีระดับการหมุนเพื่อผลลัพธ์ที่ต่างกัน การหมุนให้ตึงจะช่วยเพิ่มระดับเสียงและหากทำการผ่อนสายจะทำให้ระดับเสียงเบาลง คุณต้องค่อย ๆ ปรับเพื่อให้เสียงอยู่ในระดับที่พอดี ที่สำคัญคือไม่ควรขึงสายให้ตึงจนเกินไป เพราะอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสายได้ และการหมุนลูกบิดนั้นควรหมุนไปในทิศทางเดียวกันเสมอครับ

หลังจากที่ขึงสายได้ในระดับที่พอดี คุณต้องคอยตรวจสอบเสียงในแต่ละเฟรต โดยเริ่มจากเฟรตที่อยู่ใกล้ลูกบิดที่สุดก่อน ไล่ไปจนถึงซาวน์บอร์ดเพื่อตรวจสอบเสียง คุณสามารถทดสอบเสียงด้วยการใช้ส้อมเสียงหรือเครื่องดนตรีชนิดอื่น ๆ ประกอบการทดสอบได้ครับ 

การตรวจสอบสายนั้นควรเริ่มจากสาย G พยายามปรับจูนให้ตรง และทดสอบกดที่เฟรต 2 บนสาย G เสียงที่ออกมาจะเป็นเสียงของโน้ต A ซึ่งจะมีระดับเสียงเดียวกันกับสาย A จากนั้นปรับเสียงของสาย A ให้ตรงกับโน้ตที่สาย G เมื่อเสียงตรงกันให้คุณกดที่เฟรต 3 บนสาย E พยายามปรับเสียงให้ตรงกับโน้ต G เช่นเดียวกัน สุดท้ายให้กดที่เฟรต 4 บนสาย C และปรับเสียงให้มีโน้ตเดียวกันกับสาย E เป็นอันเสร็จเรียบร้อยครับ

การเล่นอูคูเลเล่นั้น ถือว่าเป็นงานอดิเรกรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะต้องใช้ทั้งทักษะ สมาธิ และความตั้งใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าอูคูเลเล่จะเป็นเพียงเครื่องดนตรีชิ้นเล็ก แต่บทเพลงที่เล่นโดยการดีดอูคูเลเล่นั้นก็สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับใครหลาย ๆ คนได้ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจจะเล่นอูคูเลเล่ ก็ควรเริ่มต้นจากการเลือกอูคูเลเล่และสายที่มีคุณภาพมาใช้งาน เพื่อที่คุณจะได้นำมาสร้างสรรค์และถ่ายทอดบทเพลงเพราะ ๆ ให้คนอื่นได้ฟังนั่นเองครับ