10 มอยเจอร์ไรเซอร์ ตัวไหนดี เติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิว หมดปัญหาหน้าแห้ง

มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดครีมตัวนี้ เป็นครีมเข้มข้นที่ไม่ทำให้รู้สึกว่าทาแล้วจะรู้สึกหนักผิว หากเป็นคนผิวแพ้ง่าย ใช้อะไรแล้วเป็นขุย รู้สึกไม่มั่นใจในการใช้เครื่องสำอาง กลัวแพ้ไปหมด ขอแนะนำให้ลองตัวนี้เลยค่ะ ตัวครีมสกัดจากยูคาลิปตัสธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดเด่นของยี่ห้อนี้อยู่แล้ว มีคุณสมบัติในการซึมเข้าสู่ผิวชั้นในได้ล้ำลึก เรียกว่าผิวสุขภาพดีตั้งแต่ภายในกันเลยค่ะ ยิ่งใช้ก็จะยิ่งทำให้ผิวหน้าแข็งแรง ไม่แพ้ง่ายเหมือนแต่ก่อน เหมือนผิวมีเกราะป้องกันตลอดเวลาเลยค่ะ

พูดถึง Dr.Ci:Labo แล้ว แบรนด์นี้ค่อนข้างขึ้นชื่อในเรื่องของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวให้อ่อนกว่าวัย สำหรับรุ่นนี้เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ผสมคอลลาเจนชนิดเจล ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวพร้อมยกกระชับผิวไปในตัว ทำให้ได้ประโยชน์มากกว่าการเติมน้ำลงในผิวแบบครบเซต ตัวนี้ยังเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายเพราะ Dr.Ci:Labo เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นให้ผู้มีผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง ตัวครีมนั้นเป็นเนื้อเจล จึงเหมาะที่จะใช้ในช่วงกลางคืนมากกว่า ตื่นเช้ามาจะรู้สึกได้ถึงผิวนุ่มขึ้นพร้อมหน้าตาสดใสอ่อนกว่าวัยเลยค่ะ

เป็นที่ทราบกันดีว่าผลิตภัณฑ์ของ Sulwhasoo นั้นขึ้นชื่อในเรื่องสมุนไพร และตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องของการบำรุงหน้าใสและลดเลือนริ้วรอย แน่นอนว่า แม้จะเป็นแค่มอยเจอร์ไรเซอร์ Sulwahasoo ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ช่วยฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใสในแบบฉบับเกาหลีอยู่เหมือนเดิมค่ะ สำหรับตัวนี้เราสามารถใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอน เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้ง-ผิวผสมที่มีความกังวลในเรื่องของความแห้งกร้านของผิวหน้า หน้าไม่ใส และมีริ้วรอย ลองใช้ตัวนี้นวดในระหว่างทาจะช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้นค่ะ 

มอยเจอร์ไรเซอร์สารพัดสรรพคุณของ La Mer รุ่นนี้คือที่สุดเลยค่ะ ผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายทะเลลึกคุณภาพคับกล่องตัวนี้ นอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่คืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูผิวและริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใส ดูแลไปถึงผิวชั้นในของหน้าเราได้อีกด้วย มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนี้จึงเหมาะกับทุกสภาพผิวรวมถึงผิวแพ้ง่าย ที่สำคัญ สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนอีกด้วย ต้องบอกเลยว่า หากใครที่เข้ามาใช้ La Mer แล้วจะไม่สามารถออกจากวังวนไปได้ง่ายแน่ ๆ ค่ะ ที่ติดใจอีกอย่างนึงคือกลิ่นประจำตัวของเค้าที่ทำให้เรารู้สึกสดชื่นมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นผิวผสมหรือผิวแห้งก็เหมาะกับมอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนี้ค่ะ ส่วนตัวแล้ว แม้จะใช้ในฤดูร้อนก็ไม่เหนอะหน้า ยิ่งถ้าใครอยู่ในห้องแอร์บ่อย ๆ ไอเทมนี้ถือว่าจำเป็นต้องมีติดตัวเอาไว้มาก ๆ ค่ะ เป็นที่ทราบกันดีกว่าผลิตภัณฑ์ของ Laneige มีเครื่องสำอางหลายรายการที่เป็น Water Bank ซึ่งเป็นเหมือนเทพแห่งการปกปักรักษาความชุ่มชื้นเลยค่ะ เพราะฉะนั้น คนที่มีผิวแห้งจึงวางใจเค้าได้เป็นอย่างดีเลย สำหรับตัวนี้ชอบใช้ก่อนนอนค่ะ เพราะเมื่อตื่นมาผิวจะดูฉ่ำน้ำ ดูสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว

ถ้ามาถึงญี่ปุ่นแล้วไม่ได้เห็นน้ำมันม้าตามร้านขายยาแล้วล่ะก็จะรู้สึกเหมือนยังมาไม่ถึงก็ว่าได้ น้ำมันม้าเป็นสกินแคร์ที่มีราคาประหยัด เพราะเป็นของที่หาได้ตามท้องถิ่น ซึ่งขายดิบขายดีในฮอกไกโดจนกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น มีคุณสมบัติช่วยสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวได้เร็ว ทาได้ทั้งหน้าและส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่ต้องการ ใช้แล้วผิวฟู ดูสดใสขึ้น แม้คนที่ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ไม่ระคายเคือง สำหรับคนผิวมันอาจจะไม่เหมาะใช้ในฤดูร้อน และไม่ค่อยเหมาะกับการใช้ระหว่างวันในช่วงที่อากาศร้อน แต่คนที่นอนห้องแอร์/ผิวผสม-ผิวแห้งสามารถใช้ระหว่างวันได้ค่ะ

หากพูดถึงมอยเจอร์ไรเซอร์ Clinique ก็เป็นอีกแบรนด์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย เนื่องจากมีชื่อเสียงมายาวนาน และตัวผลิตภัณฑ์ก็ได้รับการพัฒนาสูตรมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลที่ซึมได้เร็วและให้ความชุ่มชื้นกับหน้าของเราได้นานถึง 72 ชั่วโมง เรียกได้ว่ายาวนานที่สุดตั้งแต่เคยเจอมาเลยทีเดียว แถมยังสามารถใช้เป็นมาส์กหน้าได้ในวันที่รู้สึกว่าพรุ่งนี้ฉันต้องสวยหรือต้องออกงานก็มาส์กก่อนนอนหนา ๆ ได้เลย ส่วนตัวแล้วตัวนี้เคยใช้ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหน้ามันในระหว่างวันแต่อย่างใดค่ะ เคยใช้ที่ไทยก็รู้สึกว่าโอเคอยู่นะคะ ใครที่ผิวหน้าชอบขึ้นเป็นขุย ๆ ก็แนะนำให้ใช้ตัวนี้ค่ะ

ถ้าพูดถึง Kose เราอาจจะคิดว่าเค้าเน้นเรื่องความขาวใสของใบหน้าเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องความขาวใสอย่างเดียวนะคะ ครีมบำรุงผิวตัวนี้มีส่วนผสมของทั้งมอยเจอร์ไรเซอร์, ไฮยารูลอน และวิตามินซีที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการบำรุงผิวหน้าในทุก ๆ สภาพผิว โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแห้ง-ผิวผสมหรือมีใบหน้าหมองคล้ำ หากใครที่ต้องการฟื้นฟูและคืนความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำให้กับใบหน้า ถ้าได้ลองตัวนี้จะรู้สึกดีแน่นอน สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยค่ะ

ครีมเต้าหู้นั้นจะเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายและผิวแห้ง รวมถึงคนที่อยู่ในห้องแอร์บ่อย ๆ ค่ะ แนะนำให้ใช้ก่อนนอนในช่วงอากาศหนาว ๆ หรือเวลาเดินทางไปต่างประเทศเวลาอากาศเย็น ๆ เราสามารถใช้ครีมตัวนี้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยค่ะ ถ้าลองใช้ตัวนี้ก่อนนอน ตื่นมาจะรู้สึกว่าผิวนุ่มละเอียด อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดของครีมตัวนี้คือ จะมีเนื้อค่อนข้างหนักทำให้คนที่ใช้ช่วงแรก ๆ จะไม่ค่อยเคยชิน คิดว่าเหนอะหนะหน้า แต่สักพักครีมจะซึมเข้าไปยังผิว หากใช้ไปสักพักจะรู้เลยว่าหน้าดูแข็งแรงขึ้น หมดปัญหาผิวหน้าลอกได้แน่นอนค่ะ

เมื่อไหร่ที่ผิวต้องการความชุ่มชื้นอย่างเร่งด่วน แนะนำตัวนี้เลยค่ะ เนื้อจะค่อนข้างหนักจึงไม่เหมาะที่จะใช้ระหว่างวันหรือในสภาพอากาศร้อนอย่างประเทศไทย แต่เหมาะสำหรับการพกพาไปยังเมืองหนาว, คนที่อยู่ในห้องแอร์แล้วผิวแตก และคนที่ผิวถูกทำลายจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐานค่ะ สาเหตุที่รู้จักตัวนี้เกิดจากการที่นะนะเคยใช้ครีมผิดพลาดในอดีตจนผิวหน้าเสีย แล้วหน้าเกิดแห้งมากจนเป็นขุยจึงมีเพื่อนแนะนำให้ใช้ พอได้ตัวนี้มาช่วย ก็ฟื้นฟูได้ดีจนรู้สึกติดใจเลยค่ะ เวลาเดินทางไปต่างประเทศในฤดูหนาว พกไปแล้วรับรองไม่มีผิดหวัง หน้าฉ่ำตลอด 24 ชั่วโมงอย่างแน่นอน